no right click


Friday, May 20, 2011

ตอนที่ 9. The Aftermath I: ผลพวง ห่วงใย พาทรมาน

ตอนที่ 9. The Aftermath I: ผลพวง ห่วงใย พาทรมาน

นี่ลูกชายกับลูกสะใภ้ฉันยังไม่ลงมากันอีกรึ
เสียงคุณหญิงอรวราซึ่งนั่งรับประทานอาหารเช้าอยู่เพียงลำพังเอ่ยถามวันเพ็ญ ซึ่งยืนให้บริการอยู่ใกล้ๆ และมันก็เข้าทางแม่บ้านสาวยิ่งนัก เพราะสายโด่งป่านนี้แล้ว ยังไม่เห็นทั้งนายเหมืองและนังมุกตาภา
วันเพ็ญอยู่ในอาการเคียดแค้นสุมอกมาเป็นเวลาเกือบเดือน เพราะหล่อนไม่อาจเข้าถึงตัวนายเหมืองที่รักได้ ตั้งแต่มีหัวหอกมานั่งเป็นก้างชิ้นโต และหล่อนดีใจจนแทบจะปิดไม่มิด เมื่อคุณหญิงอรวรากำลังจะเดินทางกลับไปกรุงเทพวันนี้ แล้วหล่อนก็จะได้เริ่มแผนกำจัดมารขวางใจของหล่อนให้พ้นทางต่อ
ยังเลยค่ะ งั้นเพ็ญไปดูให้นะคะ ไม่รู้จะไม่สบายเป็นอะไรกันหรือเปล่า
หล่อนตอบอย่างบ่าวที่ดี พลางปรี่ตรงไปยังบันได ทว่าน้ำเสียงดั่งนางพญาก็ดังห้ามไว้
ไม่ต้องหรอก หล่อนจะเข้าไปขัดเวลาความสุขของผัวเมียเขาทำไม ป่านนี้อาจจะกำลังผลิตหลานให้ฉันอุ้มอยู่ก็ได้
คนอยากได้หลานสะกัดเอาไว้ ไม่ใช่แค่ต้องการห้ามเท่านั้น แต่มันคือคำเตือนเป็นนัยๆ จากคนที่รู้ตื้นลึกหนาบางอย่างท่าน ทำไมท่านจะดูไม่ออกว่าแม่วันเพ็ญนั่นหวังจะเป็นใหญ่เพียงใด แต่ของอย่างนี้ มันไม่มีวันเกิดขึ้นแน่ และท่านจะต้องเตือนพวกหวังใหญ่ ว่าอย่าได้คิดไปไกลเกินเอื้อม
หล่อนเป็นแค่บ่าว ไม่ต้องไปยุ่งเรื่องมุ้งหมอนเจ้านายเขาหรอก


ท่านต่อว่าตามมา ก่อนลุกขึ้นยืน ออกปากกับคนขับรถว่าท่านพร้อมเดินทางแล้ว ทว่าเสียงแม่บ้านก็ยังดึงดันถามขึ้นมา
แต่คุณท่านจะกลับโดยไม่บอกนายเหมืองหรือคะ
วันเพ็ญยังหวังลมๆ แล้งๆ ที่จะได้ไปเห็นกับตา ว่าสองคนนั้นนอนกันอยู่ยังไง แบบไหน หัวใจแสนอิจฉาริษยามันร้อนดั่งไฟ
โทรศัพท์ก็มี ถึงกรุงเทพ ฉันค่อยโทรมาบอกจะเป็นอะไรไป
ท่านประชดในที แล้วเยื้องกราย ตามหลังคนขับรถซึ่งกำลังขนสัมภาระไปขึ้นรถตู้ตรงหน้าลานบ้านอย่างแข่งขัน ทว่าท่านก็หยุดตัวเองลง แล้วหันหลังมาทางวันเพ็ญซึ่งหลบตาที่กำลังถลึงจนแทบจะหลุดจากเบ้าออกมาแทบไม่ทัน
ฉันรู้นะ ว่าหล่อนคิดยังไงกับลูกชายฉัน แต่ฉันขอเตือนหล่อนไว้แต่เนิ่นๆ ว่าหล่อนอย่าได้คิดทำการใดๆ ให้ต้องเดือดร้อนถึงลูกสะใภ้ฉันเป็นอันขาด เพราะหล่อนจะไม่เหลืออะไร แม้แต่ที่ซุกหัวนอน
หล่อนเลือกเอาก็แล้วกัน จากไปด้วยดี มีเงินติดไม้ติดมือ หรือจากไปอย่างคนแพ้ที่โดนไล่ไปต่างกับหมูกับหมา
คุณหญิงอรวราสั่งความแบบเฉียบขาดกับแม่บ้านหวังสูงด้วยน้ำเสียงเป็นการเป็นงานและจริงจัง จนคนฟังไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมอง ได้แต่ขบเคี้ยวเขี้ยวฟัน ตามหลังร่างอวบที่เพิ่งเดินขึ้นรถไป
วันเพ็ญยืนกำหมัดแน่น สะกดกลั้นอารมณ์เคียดแค้นในใจสุดชีวิต หล่อนต้องห้ามตัวเองอย่างหนัก ไม่ให้เดินไปตบสั่งสอนคนแก่ใกล้ลงโลงเต็มทีนั่น และถึงจะสะอึกและใจหายวาบ ที่มีคนล่วงรู้ถึงจิตใจและแผนการณ์อันเลวร้ายของตัวเอง ทว่าหล่อนก็ไม่คิดจะสำนึก หรือคิดได้ตามคำประกาศิตนั่นแม้เพียงสักกะผีกเดียว
นึกหรือว่าฉันจะฟังแก ต่อให้แกพูดพูดจนปากฉีกถึงรูหูเหี่ยวๆ ฉันก็ไม่ฟังแกหรอก
เพราะนายเหมืองจะต้องเป็นของหล่อนคนเดียว ไม่ว่าใครหน้าไหนก็แย่งไปไม่ได้ โดยเฉพาะแก นังมุกตาภา

อะ อย่า ไม่ ได้โปรด อย่า
น้ำเสียงหวานสั่นระริกเล็ดลอดออกมาจากเรียวปากบางทว่าบวมเจ่อและแห้งกรัง ในขณะที่เจ้าของน้ำคำแห่งความหวาดกลัวนี้ก็กำลังนอนกระสับกระส่ายทุรนทุรายเพื่อนำพาตัวเองให้หลุดพ้นจากความฝันอันโหดร้ายที่ตัวเองกำลังเผชิญอยู่
กรี๊ด... แล้วความรู้สึกราวกับว่าตัวเองกำลังถูกดึงลงไปสู่ห้วงความมืดดำ แล้วชีวิตของตัวเองกำลังสูญสิ้น ก็ทำให้มุกตาภาหวีดร้องเสียงดัง เพื่อพาตัวเองกลับมาสู่โลกความเป็นจริงให้ได้อีกครั้ง
ดวงตากลมโตแดงช้ำและเกราะกรังด้วยคราบน้ำตาเปิดโพลงขึ้นอย่างตื่นตกใจ มุกตาภาขยับตัวเพียงนิดก็เจ็บรวดร้าวไปทั้งตัว ทว่าเจ็บตรงแกนหัวใจยิ่งกว่า เมื่อสำนึกได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายแสนบอบช้ำของตัวเอง
มันไม่ใช่ฝันร้าย แต่มันคือเรื่องจริง....
น้ำตาแห่งความเศร้าโศกที่เหือดแห้งรื้นขึ้นเต็มหน่วยตาหวานแดงช้ำราวกับน้ำถูกปล่อยออกมาจากก๊อกน้ำ...
วงแขนแข็งแรงที่คอยให้ความอบอุ่นแก่เธอในทุกๆ เช้ายังคงตระกรองกอดร่างน้อยอย่างแนบแน่นเฉกเช่นดังเดิม ทว่าเธอไม่ได้รู้สึกปลอดภัยเหมือนอย่างวันก่อนๆ อีกต่อไป หากมันกลับให้ความรู้สึกราวกับว่าเธอกำลังนอนอยู่ในกอหนามแหลมคมซึ่งทิ่มแทงเธอให้เจ็บปวดไปทั้งตัว
ความเจ็บปวดรวดร้าวเริ่มถาโถมเข้ามาไม่ต่างกับคลื่นลูกใหญ่สาดซัดเข้าหาร่างน้อยลูกแล้วลูกเล่า ส่งผลให้ภาพแห่งความโหดร้ายของสามีหนุ่มยามเคลื่อนตัวอยู่บนร่างของตัวเองปรากฎแจ่มชัดในห้วงความนึกคิด ร่างเล็กสะท้านไหวเยือก ขนลุกเกรียวไปทั้งตัว ทรวงอกที่ร้าวระบมเครียดเกร็งด้วยความหวาดกลัว กลัวว่าจะมีเรื่องอย่างเมื่อคืนเกิดขึ้นอีกครา
และเธอไม่ต้องการอยู่ใกล้เขานานไปกว่านี้อีกแม้สักเสี้ยววินาทีเดียว
ใบหน้างามแดงก่ำสะบัดหน้าหนีไม่อยากเห็นหน้าผู้ชายป่าเถื่อนทั้งร่างกายและจิตใจที่ยังหลับสนิท ไม่ได้รู้สักนิดว่าได้ทำร้ายผู้หญิงคนนึงไว้ยังไงบ้าง มือน้อยอ่อนแรงยกแขนแข็งแรงออกจากเอวคอดกิ่วของตัวเองอย่างเบามือที่สุด แล้วค่อยๆ หยัดตัวขึ้นพิงหัวเตียง ก่อนต้องสูดปากผ่อนความเจ็บปวดที่แล่นแช่แน่นิ่งใจกลางลำตัว ไอร้อนผ่าวๆ จากลมหายใจก็ทำให้เธอรู้ว่าร่างกายของเธอนั้นอ่อนแอเหลือเกิน
มุกตาภากัดฟัน ทว่าปากที่บวมเจ่อห้อเลือดก็เจ็บร้าวเหลือคณา ก่อนพยุงร่างร้าวระบมลงจากเตียงนอนยับยู่ยี่นั้นอย่างลำบาก ร่างเล็กแทบทรุดลงไปกองกับพื้นเมื่อขาเล็กแตะเข้ากับพื้นไม้แข็งๆ ทว่าเธอก็กล้ำกลืนฝืนทน จากนั้นก็ค่อยๆ ย่องไปจัดการชะล้างคราบไคลที่เขาทิ้งไว้ แล้วหนีออกจากห้องแห่งความอัปยศอดสูนี้ไปทันที...

เปลือกตาคมเปิดขึ้นอย่างอยากลำบาก หัวสมองเขาหนักอึ้งราวกับเรือไทเทนิก ปวดหัวจนแทบจะระเบิด เพราะอาการเมาค้างที่ยังคงคั่งค้างในกระแสเลือด ร่างกายก็เมื่อยขบโดยไม่รู้สาเหตุ ทว่าอิศม์เดชกลับรู้สึกถึงความซาบซ่านที่ยังเต้นระริกไปทั่วทุกอณูเนื้อของร่างใหญ่ได้เป็นอย่างดี แล้วภาพของความฝันอันแสนสวยงามที่เขามีร่วมกับภรรยาเก่าก็ปรากฏแจ่มชัด...
อิศม์เดชคลี่ยิ้มอย่างสุขสมในห้วงอารมณ์ เมื่อนึกถึงความฝันหวานแสนร้อนแรงของตน...
ความฝันมันช่างสวยงาม ทว่าความจริงช่างเจ็บช้ำขมขื่น...
เพราะซาแมนต้าไม่ได้กลับมาหาเขา และเขาก็ไม่ได้ร่วมรักกับหญิงสาวอย่างถึงพริกถึงขิงอย่างที่ร่างใหญ่ยังจำกับรสรักแสนกำซาบนั้นได้
ชายหนุ่มหยัดตัวลุกขึ้น บิดขี้เกียจอยู่บนเตียงอยู่สองสามที แต่อาการเจ็บแสบตามลำตัวก็ทำให้เขาต้องก้มหน้ามองดู แล้วสภาพร่างกายเปลือยเปล่า กอปรกับร่องรอยทั้งฟันและเล็บตามลำตัวก็ทำให้เขาตะลึงจนแทบทำอะไรไม่ถูก
ต่อให้เขาเมาแค่ไหน เขาก็ไม่น่าจะนอนแก้ผ้าอยู่อย่างนี้ได้ แล้วคราบเปื้อนบริเวณลำตัวใหญ่ ที่มีทั้งคราบเลือดและคราบความเป็นชายของเขา ก็ยิ่งทำให้อิศม์เดชตกใจแทบสิ้นสติ มือหนายกขึ้นลูบหน้าคมอย่างสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้น
เวร เมาจนได้เรื่อง
มือหนาเลิกผ้าห่มขึ้น แล้วรอยเลือดหลายรอยที่ปรากฏเด่นชัดอยู่ตรงกลางเตียงก็เป็นเครื่องยืนยันแน่แท้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนคือเรื่องจริง ไม่ใช่แค่ความฝันร้อนแรงที่เขาตื่นขึ้นมาพร้อมกับความสุขแสนหวานล้ำเท่านั้น
แล้วผู้หญิงที่ได้มอบความสุขแก่เขาก็ไม่ใช่ภรรยาเก่า ทว่าเป็นภรรยาคนปัจจุบันที่เขาตั้งใจจะแต่งงานด้วยเพียงในนามต่างหาก
ไอ้บ้าเอ้ย
อิศม์เดชด่าตัวเองพลางมองหาตัวต้นเหตุไปรอบๆ ห้องอย่างเป็นกังวลใจ นอกจากจะไม่เห็นเจ้าตัวแล้ว เขายังเห็นแต่ซากชุดนอนลายแตงโมงที่โดนทึ้งจนขาดวิ้นกองอยู่กับพื้น
โอ ป่านนี้หญิงสาวจะเป็นไงบ้าง อิศม์เดชครางโหย ก่อนเขาจะสบถอย่างหัวเสียเมื่อเห็นเวลาบนนาฬิกาบนผนังห้องชัดเจน
ฉิบหายแล้ว
ร่างใหญ่เปลือยเปล่ารีบวิ่งเข้าไปจัดการตัวเองในห้องน้ำด้วยความรวดเร็ว แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าชุดสุภาพ เสื้อเชิ้ตสีครีมและกางเกงสแล็คสีดำ เพราะเขามีประชุมเรื่องผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมจากการทำเหมืองแร่ตอนบ่ายโมงที่ในตัวเมืองนคร และตอนนี้เขาก็มีเวลาแค่ชั่วโมงเดียวในการเดินทางเข้าไปในตัวเมืองซึ่งห่างไปเกือบ 60 กิโลเมตร
แต่เขาต้องหาเจ้าของรอยเลือดบนเตียงให้เจอก่อน เพราะเขามีเรื่องสำคัญจะบอกหญิงสาวเช่นกัน...

สายน้ำในลำธารตรงหน้าไหลรินเย็นฉ่ำ ไม่ต่างกับสายน้ำตาซึ่งไหลไม่ขาดสายอาบแก้มนวลแดงก่ำอยู่ในขณะนี้ ทว่าเธอไม่ได้รู้สึกเย็นสดชื่นเหมือนอย่างเช้าวันก่อนๆ ที่มานั่งเล่นตรงลำธารหลังบ้านเลยสักนิด มุกตาภายกมือขึ้นป้ายน้ำตาแห่งความเจ็บช้ำน้ำใจทิ้งครั้งแล้วครั้งเล่า แต่มันยังไม่เคยหมดไปดวงตากลมโตแดงช้ำของเธอ
หลังจากหนีออกมาจากห้องนอนของเขา เธอก็ฝืนความเจ็บปวดทางร่างกายและจิตใจ พาร่างร้าวระบมมานั่งทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้นกับชีวิตของเธอ ทั้งเรื่องในอดีตและเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน...
คราบเลือดบนที่นอน รวมทั้งสิ่งคั่งค้างซึ่งไหลออกมาจากตัวเธอโดยมีเลือดปะปนอยู่ด้วยนั้น น่าจะเป็นเครื่องยืนยันได้ว่าเธอยังไม่เคยเสียสาวให้กับนิรุจน์ในครานั้น และก็คงเป็นวิภาดานั่นเองที่เข้ามาช่วยพิทักษ์ความสาวของเธอเอาไว้ได้
ในวันนั้น เธอตื่นขึ้นมาบนเตียงนอนในคอนโดของนิรุจน์ด้วยสภาพร่างกายที่เปลือยเปล่า แล้วนิรุจน์ที่มีเพียงผ้าเช็ดตัวผืนเดียวพันรอบกายอยู่ก็เดินออกมาจากห้องน้ำ มุกตาร้องไห้โฮ เพราะคิดว่าเนื้อกายของเธอแหลกแหลวย่อยยัยไปแล้ว
ทว่ายังไม่ทันที่เธอจะได้ต่อว่าผู้ชายมักง่าย วิภาดาก็เปิดประตูห้องเข้ามาตบตีด่าว่าอย่างรุนแรง จนมุกตาภาต้องหนีออกมาจากห้องด้วยหัวใจที่แหลกสลาย เพราะความสูญเสียครั้งใหญ่ของลูกผู้หญิงและเพราะอดีตแฟนหนุ่มนิสัยเลวที่มาฉวยโอกาสเอากับเธอ
แต่ไม่ใช่ มันเป็นแค่การจัดฉากเท่านั้น
มุกตาภาสะอื้นไห้จนตัวโยน ทำไมเธอถึงโง่แบบนี้นะ ถ้าเพียงเธอรู้สักนิด ว่าร่างกายเธอยังผ่องใส ไร้ราคี เธอจะไม่ยอมตกลงแต่งงานกับคนที่ไม่เห็นค่าในตัวเธออย่างอิศม์เดชเป็นแน่
เธอจะดูแลรักษาตัวเองให้ดีที่สุด เก็บความสาวของตัวเองเอาไว้ แล้วจะตามหารักให้กับตัวเองอีกครั้ง หาคนที่พร้อมจะรักเธอ ไม่ใช่จมปลักอยู่กับความรักเก่า...และคนรักเก่าเช่นเขาแน่นอน
คนใจร้าย... ถ้าเขาไม่เมา เรื่องเมื่อคืนคงไม่เกิดขึ้น
เธอไม่รู้ว่าเขาจะรู้ตัวหรือเปล่าว่าเกิดอะไรขึ้นกับภรรยาตัวเอง เขาจะรู้ตัวไหม ว่าได้ทำร้ายเธอทั้งทางร่างกายและจิตใจจนบอบช้ำจนเกินทน หรือเขาจะลืมมันไปพร้อมกับระดับแอลกอฮอล์ที่หายไปจากกระแสเลือด เธอก็ไม่รู้...
ช่างมัน... เสียแล้วเสียไป...
แต่เธอจะไม่ยอมให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกครั้งแน่นอน ถ้าทนอยู่กับความป่าเถื่อนของเขาไม่ไหวจริงๆ เธอก็หนีเขากลับกรุงเทพเสียให้รู้แล้วรู้รอด
โชคดีที่คุณหญิงอรวราเดินทางกลับไปแล้ว ไม่งั้นเธอก็ไม่รู้ว่าจะพาอาการบอบช้ำทั้งกายใจไปสู้หน้าผู้ใหญ่ได้ยังไง หรือจะห้ามตัวเองไม่ให้รายงานให้ท่านทราบถึงความป่าเถื่อนของบุตรชายท่านได้หรือไม่ และที่สำคัญ เธอจะยั้งตัวเองไม่ให้กระโดดขึ้นรถหนีความโหดร้ายของที่นี่ไปไว้ได้เป็นแน่
มุกตาภาถอนสะอื้น ปาดน้ำตาทิ้งอีกครั้ง เพราะต่อให้เธอร้องจนน้ำตาหมดตัว เธอก็ไม่มีวันย้อนอดีตได้...
หญิงสาวพยุงร่างกายบอบช้ำซึ่งร้อนผ่าวราวกับโดนเผาไฟอยู่ขึ้นจากโขดหินที่ตนนั่งอยู่อย่างยากลำบาก เพราะแค่ขยับตัวเพียงน้อยนิดความเจ็บปวดแล่นปราดไปทั่วสรรพางค์กาย ก่อนไปจับอยู่ตรงขั้วหัวใจ ซึ่งเจ็บลึกยิ่งกว่าร่องรอยทางกายที่เขาได้ฝากฝังเอาไว้อย่างล้ำลึก...ไปถึงไหนต่อไหน
มุกตาภาสูดปาก ก่อนกัดฟันทน ยืนตัวตรงเพื่อกลับไปเผชิญกับความจริงอีกครั้ง หากในจังหวะที่เธอหันหลัง ร่างเล็กก็ต้องผงะกับการปรากฏตัวของร่างสูงใหญ่ผู้เป็นสาเหตุของความเจ็บร้าวในตัวเธอ...

อิศม์เดชยืนมองภรรยาทางพฤตินัยของตัวเองอยู่สักพักแล้ว เห็นหญิงสาวร้องไห้สะอึกสะอื้นและเช็ดน้ำตาตัวเองทิ้งหลายครั้งหลายหน อยากเดินเข้าไปคว้าร่างเล็กเอาไว้แนบอก แล้วปลอบประโลมปลอบขวัญให้อย่างที่สามีที่ดีควรทำต่อภรรยา ทว่าเขาก็ไม่ยอมเดินเข้าไป ไม่รู้ว่าทำไม...
หัวใจของเขาก็บีบคั้นเจ็บช้ำยิ่งนัก เมื่อเห็นร่างเล็กสะอื้นไห้จนตัวโยน คงด้วยความรู้สึกผิดที่แล่นเข้ามาเกาะกุมหัวใจนั่นเอง เขาไม่ได้ตั้งใจให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเลยสักนิด ทว่าเมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว เขาก็ต้องยอมรับ และต้องรับผิดชอบกับการกระทำของตัวเอง
แล้วในยามที่ร่างเล็กพยุงตัวลุกขึ้นอย่างยากลำบากนั้น เขาก็อยากจะปรี่เข้าไปช่วยประคองเหลือเกิน ทว่าขาแกร่งก็หนักอึ้งจนก้าวไม่ออกอย่างหาสาเหตุไม่ได้
สายตาคมทอดมองร่างเล็กที่ซ่อนตัวอยู่ในเสื้อยืดสีขาวตัวใหญ่หลวมโคร่งซึ่งปิดกางเกงขาสั้นด้านในเสียมิดด้วยความรู้สึกหลายหลายที่มันตีรวนจนเขาสับสนไปหมด
มุกตาภายกแขนขึ้นกอดอกเพื่อบรรเทาอาการสั่นเทาจากพิษไข้รุมเราและความหวาดกลัวผู้ชายตรงหน้า ก่อนสั่งตัวเองให้สะบัดหน้าเดินหนีเขาไป ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรกันก็ได้ ในเมื่อเธอทั้งโกรธทั้งเกลียดเขาเหลือเกิน ทว่าเสียงทุ้มก็ดังขึ้นมา
เรื่องเมื่อคืน เอ่อ... อิศม์เดชเอ่ยอย่างตะกุกตะกัก ฉัน...เอ่อ ฉัน เสียงทุ้มยังไม่อาจเอ่ยสิ่งที่อยู่ในใจออกมาได้
อยากจะเอ่ยคำ ขอโทษ แต่ปากมันแข็งจนอ้าไม่ออก อยากชกปากตัวเองนัก เขาก่นด่าตัวเองในใจ
ไม่เป็นไรหรอกค่ะ คุณเอิร์ธลืมมันไปเถอะ อย่าไปคิดถึงมันอีกเลย มุกเองก็ลืมมันไปแล้ว เพราะมันไม่มีอะไรให้น่าจดจำสักนิด
มุกตาภาโพล่งออกมาอย่างเย็นชา เธอไม่อยากฟังคำแก้ตัวหรืออะไรทั้งนั้น ไม่มีความจำเป็นต้องรื้อฟื้น แววตาหวานไหวระริกทว่าวาวโรจน์มองเขาอย่างโกรธเคือง
หัวใจอิศม์เดชสะท้านสะเทือนยามได้ยินถ้อยคำไม่แยแสกับเรื่องที่เกิดขึ้น หญิงสาวจะลืมมันไปได้อย่างง่ายๆ ได้อย่างไร มันเพิ่งเกิดขึ้น และเขาก็เห็นหญิงสาวเช็ดน้ำตาป้อยๆ อยู่เมื่อกี้
ฉันไม่ใช่คนขี้ลืม เขาแก้เสียงขรึม
มุกรู้ดีค่ะ มุกตาภาสะบัดหน้าเชิดสูง ...ว่าคุณเอิร์ธเป็นคนช่างจดช่างจำมากขนาดไหน เพราะเมื่อคืน... อย่าไปพูดถึงมันเลยค่ะ มันผ่านไปแล้ว ถ้าคุณเอิร์ธไม่มีอะไรแล้ว มุกขอตัวนะคะ
เพราะน้ำตาที่เธอทนเก็บกักเอาไว้กำลังจะรวมตัวกันไหลทะลักอีกครั้ง ร่างเล็กจะเดินหนี แต่ก็โดนคว้าเอาไว้
ก้อนแข็งๆ แล่นมาจุกในลำคอของคนรู้สึกผิด ใจจริง เขาอยากจะคุยกับหญิงสาวให้รู้เรื่องรู้ราว แต่ธุระในเมืองก็สำคัญยิ่ง ใจเขาร้อนดั่งไฟ ทั้งเรื่องงานและเรื่องบนเตียงของตัวเอง และเขาก็มีอีกเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กัน...
เอ่อ คือ...เมื่อคืนฉันไม่ได้ เอ่อ ป้องกัน ไปซื้อยาคุมฉุกเฉินมากินเสียด้วยนะ
คนที่ไม่ต้องการให้ความผิดพลาดอีกอย่างเกิดขึ้นบอกความตั้งใจด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมจริงจัง ถ้าเขาไม่มีเรื่องจำเป็นเร่งด่วน เขาก็คงจะไปซื้อยามาให้เธอเองเป็นแน่ แต่นี่เขาไม่มีเวลาจริงๆ เมืองแมนร้องเรียกยิกๆ ตอนที่เขาเดินมาทางหลังบ้าน เพื่อตามหาหญิงสาว
มุกตาภารู้สึกเหมือนโดนตบหน้าฉาดใหญ่กับคำของเขา นอกจะไม่สำนึกขอโทษอะไรสักคำ ยังจะให้เธอเดินหน้าระรื่นไปซื้อของอย่างว่ามากินด้วยตัวเองอีกหรือ
คนใจร้าย...เธอเกลียดเขาเหลือเกิน...
ค่ะ มุกจะจัดการให้สมใจคุณเอิร์ธนะคะ เธอประชดเสียงเครือ พร้อมจะทำตามคำบอกเขาของเขาอย่างเต็มใจ เพราะเธอก็ไม่อยากให้เด็กต้องเกิดมาท่ามกลางความเกลียดชังของผู้เป็นพ่อแน่
มุกตาภากล้ำกลืน ฝืนความเจ็บปวดภายในช่องท้องเดินเชิดผ่านหน้าเขาไปอย่างไม่ใยดีอีกครั้ง ทว่ามือหนาก็คว้าแขนเล็กเอาไว้ได้อีกหน ใบหน้างามหันมาถลึงตามองอย่างโกรธเคืองสุดชีวิต
โกรธที่ฉันไม่พาไปเองหรือ เขาถามด้วยน้ำเสียงที่นุ่มขึ้นเป็นกอง
ทำไมต้องโกรธ เรื่องแค่นี้มุกทำได้อยู่แล้วค่ะ ตามประสาผู้หญิงกร้าน มากประสบการณ์ เธอย้อนเสียงเขียว
คนฟังสะอึก ถึงจะเมาจนไม่ได้สติ แต่คราบเลือดบนเตียงก็บ่งชี้แน่ชัดแล้ว ว่าเขาเป็นคนแรกของเธอ ใจหนุ่มกระตุก กับถ้อยคำที่เคยต่อว่าหญิงสาวอย่างเสียๆ หายๆ ต่อหลายครั้ง แต่เวลานี้ไม่ใช่เวลามาปรับความเข้าใจเรื่องนี้เช่นกัน...
ฉันมีประชุมในเมืองตอนบ่ายโมง พาเธอไปด้วยก็ได้ แต่เธอต้องรออยู่ในเมืองกับฉันจนถึงเย็นนะ ถึงจะกลับมาได้ อิศม์เดชไม่เถียงสิ่งที่อยู่ในใจ แต่ให้เหตุผลที่เขาไม่อาจพาเธอไปซื้อยาคุมกำเนิดนั้นได้
ไม่เป็นไรหรอกค่ะ มุกไปเอง มุกตาภาตัดความ หันหลังหนี แต่ก็โดนรั้งให้หันมาเผชิญหน้าอีกครั้ง
ซื้อ เอ่อ ซื้อ ยาคุมปกติมาด้วยนะ เขาสั่งด้วยน้ำเสียงที่ออกจะติดเขินด้วยซ้ำ เพียงแต่คนฟังเขินกว่า เลยจับพิรุธนี้ไม่ได้
เลือดร้อนๆ แล่นมาขังอยู่ตรงแก้มสาวจนมันแดงปลั่งไปทั้งหน้า มุกตาภาบอกไม่ถูกว่ากำลังโกรธหรืออายเขากันแน่
เขาพูดอย่างนี้หมายความเรื่องอย่างนี้จะเกิดขึ้นอีกน่ะหรือ โอ ไม่มีทาง เธอคงทนไม่ได้ เพราะมันคือประสบการณ์ที่ส่งตรงมาจากนรกชัดๆ
มะ ไม่ค่ะ มุกจะไม่ยอมให้เกิดเรื่องแบบเมื่อคืนขึ้นอีกเป็นอันเด็ดขาด
คนกลัวจนเข็ดหลาบเบิกตาโพลง รีบปฏิเสธเสียงแข็ง ส่ายหน้าจนผมปลิวว่อน และคนเห็นก็ตกใจกับท่าทีของหญิงสาวไม่น้อย แสดงว่าเมื่อคืนคงไม่ใช่เรื่องสวยงามสำหรับเธอเป็นแน่...
ทำไมจะเกิดไม่ได้ ในเมื่อเธอเป็นเมียฉัน เราเป็นผัวเมียกัน เรื่องแบบนี้มันปกติ แต่คนอย่างอิศม์เดชก็พูดอะไรอ้อมๆ และหวานๆ ไม่เป็นกับเขา ถ้อยคำที่เอ่ยออกมาเลยห้วนและไม่ใส่ใจคนฟังเท่าใดนัก
มุกตาภามองหน้าสามีทางพฤตินัยราวกับเขามีหัวงอกออกมาอีกสิบหัว อะไรมาเข้าสิงให้เขาพูดแบบนี้ออกมา ก็เขาเกลียดตัวและไม่ชอบกินไข่ไม่ใช่หรือ แล้วที่พูดมานี่มันคือการกลืนน้ำลายตัวเองชัดๆ
ฉันไปนะ เดี๋ยวไม่ทันประชุม เขาลา แล้วในขณะที่มุกตาภายังยืนกัดปากข่มอารมณ์โกรธของตัวเองอยู่ ใบหน้าคมก็ก้มลงจุมพิตตรงแก้มใสแดงเรื่อเร็วๆ หนึ่งครั้ง
แล้วฉันจะรีบกลับ

และแล้วคนที่เดินหน้าระรื่นเข้าไปซื้อยาคุมฉุกเฉินให้ภรรยานายเหมืองโหดก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นสาวเปรี้ยวประจำเหมืองนั่นเอง เนื่องจากมุกตาภาเห็นเจ้าตัวตอนกำลังจะขับรถออกไปร้านขายยาในตลาดพอดี จึงชวนภรณ์ทิพย์ที่ยินดีกระโดดขึ้นรถออกมาเป็นเพื่อน
ขอยาคุมฉุกเฉินแผงนึงคะ ภรณ์ทิพย์บอกกับเภสัชกรสาวสูงอายุอย่างฉะฉาน และไร้ซึ่งความอายอยู่บนใบหน้า ในขณะคนที่จำเป็นต้องใช้จริงๆ กลับยืนก้มหน้างุดอยู่ด้านหลัง
และด้วยที่หน้าตาคนซื้อยังดูเด็ก เหมือนจะยังอยู่ในวัยเรียนหนังสืออยู่ จึงโดนคนขายยารุ่นใหญ่มองหน้าเล็กน้อย ก่อนเปิดลิ้นชักหยิบกล่องยาขึ้นมา อธิบายวิธีใช้ให้อย่างละเอียดพร้อม ทั้งตบท้ายในเชิงสั่งสอนวัยรุ่นริรักสมัยนี้ด้วย
...ไม่ควรใช้วิธีคุมกำเนิดแบบนี้บ่อยๆ นะ เพราะผลเสียมันเยอะ ถ้าคิดมีแฟน ก็ใช้ถุงยางดีกว่า ป้องกันได้ทั้งโรค ทั้งการตั้งครรภ์
แหม ชื่อมันก็บอกแล้วไงคะ ว่าฉุกเฉิน ที่หนูมาซื้อเนี่ย เพราะฉุกเฉินหรอกค่ะ ภรณ์ทิพย์ตอกกลับทันควัน ยาชนิดนี้เธอรู้จักดี เพราะเพื่อนๆ หลายคนก็ซื้อไปใช้กันเป็นว่าเล่น
และคำของเภสัชกรทำเอาคนฟังด้านหลังแก้มร้อนวูบทั้งจากความอาย ทั้งจากพิษไข้ที่เริ่มประดังประเด และทั้งจากรอยจุมพิตที่เขาทิ้งไว้ก่อนจะจากกันนั่นด้วย จริงๆ เธอน่าจะนอนซมอยู่กับเตียงมากกว่ามาตลอนอยู่ในตลาดเพื่อหามาตรการป้องกันการตั้งครรภ์ให้กับตัวเอง ในขณะที่ตัวต้นเหตุแทบไม่มาดูดำดูดีสักนิด...
 “งั้นพี่มุกทานเลยดีกว่านะคะ เพราะมันบอกไว้ว่าต้องทานให้เร็วที่สุด ขอซื้อน้ำเปล่าขวดนึงด้วยคะ ประโยคหลังเธอหันไปบอกเจ้าของร้านซึ่งก็เดินไปหยิบขวดน้ำเปล่าในตู้แช่มาส่งให้
มุกตาภาจึงละล่ำละลักหยิบทั้งยาทั้งน้ำขึ้นมาทาน และแหวนแต่งงานวงโตบนนิ้วนางข้างซ้ายของนายหญิงแห่งเหมืองหินปูน ก็ทำให้เภสัชกรสาวใหญ่มองสองสาวสวยในร้านด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป
แต่ถ้าแต่งงานแล้วแต่ยังไม่พร้อมจะมีบุตรก็ควรใช้ยาคุมแบบปกติแทน หล่อนเสนอด้วยน้ำเสียงที่เป็นมิตรยิ่งขึ้น พลางหยิบกล่องยาคุมแบบปกติมาวางบนโต๊ะกระจกใสด้วย ภรณ์ทิพย์จึงหันเสี้ยวหน้ามากระซิบซาบกับมุกตาภา
พี่มุกจะซื้อยาคุมปกติด้วยมั้ยคะ
คะ คงไม่ต้องหรอกมั้ง เธอปฏิเสธไม่เต็มเสียง เพราะไม่ต้องการทำตามคำสั่งของเขานัก แต่อีกใจนึงก็กลัวว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นอีกครั้ง และเธอก็ไม่อยากตั้งท้องบุตรที่คนเป็นพ่อไม่ต้องการเสียด้วย
มะนาวว่าเอาติดไปดีกว่าค่ะ นายเหมืองกับพี่มุกเพิ่งแต่งงานกัน อาจจะอยากกระหนุงกระหนิงกันตามประสาผัวเมีย ก่อนมีเด็กตัวเล็กๆ อีกอย่างถ้าพี่มุกพร้อมแล้ว คงไม่มาซื้อยาคุมฉุกเฉินทานหรอก จริงมั้ยคะ เด็กสาวแนะนำ เมื่อถึงคราว ภรณ์ทิพย์ก็ไม่ใช่แค่สาวแก่นเท่านั้น เพราะเองก็มีความคิดความอ่านไม่น้อย
มุกตาภาไม่ได้เออออกับเหตุผลของเด็กสาวสักนิด เพราะมันคือการแต่งงานที่ไม่มีอนาคตร่วมกันเลยต่างหาก แต่ป้องกันเอาไว้ ก็ดีกว่าแก้ในภายหลังอยู่ดี  จึงต้องพยักหน้าเห็นด้วย ภรณ์ทิพย์จึงหันไปตอบตกลงกับพนักงานขาย จ่ายเงินแล้วเดินกลับกันไปที่รถ
พี่มุกจะแวะไปซื้ออะไรอีกมั้ยคะ ภรณ์ทิพย์ถาม แต่จากที่เห็นสภาพนายหญิงของตน เธอมั่นใจว่าอีกฝ่ายคงไม่คิดจะไปเดินช้อปปิ้งกับเธอแน่นอน ยิ่งเห็นร่องรอยตามลำคอของมุกตาภาแล้ว เธอก็รู้สึกสงสารนายหญิงจับใจ
ถึงเธอจะไม่เคยมีรอยแบบนี้มาก่อน แต่เธอก็รู้ดีว่ามันคือรอยอะไร เพราะเคยเห็นจากลำคอของเพื่อนนักศึกษาสาว ที่มีแฟนเป็นตัวเป็นตนกันแล้ว และริชิงสุกก่อนเรียนจบกัน
สำหรับเธอแล้ว คนที่จะฝากรอยแบบนี้ไว้บนลำคอของเธอได้ ก็จะมีแต่พี่แมนคนเดียวเท่านั้น แต่รอแล้วรอเล่าเฝ้าแต่รอ ก็ไม่เห็นเขาจะมาฝากรอยแบบนี้กับเธอสักที...
ไม่แล้วล่ะ พี่อยากกลับไปพักผ่อนมากกว่า
เปลือกตาของมุกตาภาหนักจนแทบเปิดไม่ขึ้น กายสาวที่มีไอความร้อนเต้นระริกอยู่บนทุกอณูเนื้อก็ร่ำร้องหาเตียงนอนนุ่มๆ เต็มทีแล้ว...

No comments:

Post a Comment