no right click


Wednesday, May 18, 2011

ตอนที่ 6. The Jealousy: หวง ห่วง หึง (โหด)

ตอนที่ 6. The Jealousy: หวง ห่วง หึง (โหด)

ขนมครกนี่ขายยังไงคะ... ข้าวเหนียวสังขยาอันนี้ล่ะคะ...แล้วฝรั่งกิโลละเท่าไหร่คะ ...มะม่วงละคะ...อูย ชมพู่ก็น่าทาน...
และอีกหลากหลายคำถามที่มุกตาภาพูดคุยสอบถามจากพ่อค้าแม่ขายไปตลอดทางที่เธอเดินผ่าน เห็นอะไรน่ากินเธอก็ซื้อไว้เต็มไม้เต็มมือ บางอย่างก็ตั้งใจจะซื้อไปฝากคนที่เหมือง จนมือเล็กๆ นั้นแทบจะรับเอาไว้ไม่ไหวแล้ว
มุกตาภาเดินเลือกจับจ่ายซื้อของกินของใช้อย่างเพลิดเพลิน สองขาเล็กยังเดินตรงไปข้างหน้าอย่างไม่มีหยุด จนไปถึงท้ายๆ ตลาด ซึ่งผู้คนก็เริ่มเบาบางลง ร้านค้าก็น้อยลง เธอจึงหันหลังเพื่อกลับไปหาเมืองแมนและภรณ์ทิพย์ที่ร้านข้าวต้มตรงด้านหน้าตลาดนัดนี้
ทว่าจังหวะการเดินของเธอก็สะดุดลง เมื่อมีชายรูปร่างสูง ติดไปทางหนาเทอะทะมายืนขวางทางตรงหน้า และเธอก็เดินชนร่างใหญ่นั้นเข้าอย่างจัง จนเกือบล้มหงายหลัง
ขอโทษค่ะ มุกตาภาเงยหน้าขึ้นบอกอย่างรู้สึกผิด เพราะมัวแต่เดินดูของ ไม่ยอมดูทาง
ทว่าเมื่อได้เห็นหน้าคนตรงหน้าชัดๆ และสายตาคมโลมเลียไปตามเรือนร่างของเธอ  หญิงสาวก็รีบเดินเลี่ยงไปอีกทางเพื่อเดินหนีไปให้ไกลๆ แต่ไม่ว่าเธอจะก้าวหลบไปทางซ้ายหรือขวา เขาก็จะก้าวตามมาดักเธอเอาไว้ทุกครั้ง
มิหนำซ้ำด้านหลังร่างใหญ่ยังมีลูกสมุนร่างยักษ์คอยยืนเป็นกำแพง บังร่างเล็กเสียมิด ปิดหนทางไม่ให้เธอเดินผ่านไปได้ด้วย
 “ขะ ขอโทษค่ะ ช่วยกรุณาหลีกทางให้ด้วยค่ะ เธอกัดฟันขอด้วยน้ำเสียงแข็งๆ ทว่าไม่ห้วนเกินไป ไม่แสดงสีหน้าท่าทางความหวาดกลัวให้เขาเห็น แต่มันคงปิดไม่มิด ในเมื่อนัยน์ตาของเธอวาววับและตื่นตระหนกอยู่เช่นนี้
หวัดดีน้องสาวคนสวย
สิงห์ ลูกชายกำนันและเป็นนักเลงหัวไม้ประจำถิ่นทักทายด้วยน้ำเสียงกรุ้มกริ่ม ยกมือหนาอวบขึ้นไล้ตรงแก้มใสของมุกตาภา สายตาคมกริบกวาดสำรวจร่างเล็กที่อยู่ในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นนั่นอย่างหื่นกระหาย


สิงห์จ้องร่างเล็กตาเป็นมันตั้งแต่เห็นมุกตาภานั่งทานข้าวต้มอยู่แล้ว เขารู้จักทั้งเมืองแมนและภรณ์ทิพย์ดี เพราะเขาเองก็เคยจีบสาวเปรี้ยวนั้นมาก่อน แต่อีกฝ่ายกลับไม่เล่นด้วย แถมยังเคยด่าเขาเช็ดมาแล้ว อีกอย่างสิงห์รู้จักนิสัยหัวหน้าคนงานประจำเหมืองดังนี่ดี สิงห์เลยต้องถอยทัพ
จนได้มาเห็นสาวสวยหาที่เปรียบไม่ได้คนนี้ สิงห์ก็คิดว่าคงเป็นเพื่อนกับน้องมะนาวคนสวยเป็นแน่ แล้วคนเจ้าชู้เมียเยอะอย่างเขาก็ติดใจจนอยู่เฉยไม่ได้
และในทันทีที่เห็นร่างเล็กเดินออกมาจากร้านข้าวต้ม สิงห์ก็ไม่ปล่อยโอกาสทองให้หลุดมือ เดินตามสาวสวยมาเรื่อยๆ จนได้จังหวะพอเจาะ เข้ามาประชิดตัวสาวเจ้าเหมือนในขณะนี้ และเพราะบิดาของตนใหญ่คับตำบล สิงห์เลยไม่กลัวที่จะทำอะไรอุกฉกรรจ์เยี่ยงนี้
ฮาย น้องอยู่สวยเพรือนี่ เพ่ไม่เคยเห็นหน้าน้องมาก่อน น้องมาเที่ยวหรือมาทำพรือนี่ ไปเที่ยวบ้านพี่ม้าย (น้องสวยมาก ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน มาทำอะไรที่นี่ ไปเที่ยวบ้านพี่มั้ยจ๊ะ)
น้ำเสียงวาบหวิวเอ่ยอย่างจาบจ้วงทั้งทางร่างกายและทางวาจา ทั้งสิงห์ยังต้อนให้มุกตาภาเดินถอยหลังหนีไปท้ายตลาดเรื่อยๆ จนร่างเล็กไม่ได้รู้ตัวเองเลยว่าตัวเองนั้นออกนอกเขตตลาดมาแล้ว
ความหวาดกลัวเริ่มคีบคลานเข้ามาเกาะกุมหัวใจดวงน้อยของมุกตาภา ผู้ชายคนนี้เป็นใคร ทำไมหน้าตาท่าทีของเขาช่างหน้าหวานกลัวและน่ารังเกียจยิ่งนัก
ผู้ชายอีกคนก็ชอบทำท่าทางแบบนี้ ทว่าทำไมเธอไม่ได้รู้สึกสะอิดสะเอียนเหมือนในตอนนี้เลยสักนิด
แล้วร่างเล็กก็สะดุ้งโหยงมือมือหนาหยาบคว้าเข้าตรงข้อมือเล็ก ก่อนร่างเล็กจะถูกดึงอย่างแรงให้เข้าไปประชิดอกกว้างที่เธอรู้สึกขยะแขยง ไร้ซึ่งความรู้สึกที่เธอได้รับจากชายคนนึง
ปล่อย อย่ามาแตะต้องตัวฉันนะ เธอแหว สะบัดตัวให้หลุดจากการเกาะกุมอันกักขฬะของอีกฝ่าย แต่ลูกสมุนของมันก็มาล้อมหน้าล้อมหลังจนเธอหันหน้าหนีไปทางไหนไม่ได้
ฉันบอกให้ปล่อยไงเล่า เธอดิ้นแรงขึ้น ข้าวของในมือก็ถูเขวี้ยงใส่ไอ้คนร้ายแทนอาวุธ ทว่าไร้ประโยชน์ เพราะร่างเล็กก็ยังติดอยู่ในวงแขนแสนสกปรกราวกับติดอยู่ในกรงเหล็ก
 “พี่ชวนไปเที่ยวบ้านดีๆ อย่าให้พี่ต้องออกแรงต๊ะน้อง
สิงห์เริ่มขึ้นเสียงมาบ้าง ฉุดร่างเล็กแรงขึ้น ให้ตรงไปยังรถกระบะของตัวเองที่จอดอยู่ตรงลานจอดรถท้ายตลาด โดยมีลูกสมุนร่างใหญ่คอยบังการกระทำไร้ศีลธรรมของเขาอยู่ เพราะถ้ายิ่งอยู่นานหญิงสาวจะยิ่งโวยวายเสียงดังยิ่งขึ้น
และเขาก็คิดไม่ผิด เพราะมุกตาภาที่มั่นใจแล้วว่าตัวเองกำลังโดนฉุดก็หวีดร้องเสียงหลง ร้องหาให้คนช่วยทันที
กรี๊ดดดด ช่วยด้ว... แต่เสียงหวานก็หายไปพร้อมกับมือใหญ่ของสิงห์ ที่เจ้าตัวยกขึ้นมาปิดปากและปิดกั้นเสียงร้องขอความช่วงเหลือของเธอจนหมดสิ้น
น้ำตาที่เคยคลอเบ้าตากลมโตปริ่มๆ ไหลพรากๆ กลัวแทบขาดใจ
คิดถึงพี่แมน รู้แบบนี้เดินมากับเขาก็ดี...
คิดถึงใครบางคน อยากให้เขามาช่วยเธอให้พ้นจากเหตุการณ์น่ากลัวเหมือนอย่างวันก่อน แต่คงเป็นไปไม่ได้...
แล้วในระหว่างที่ร่างเล็กกำลังโดนฉุดกระชากลากถูให้ไปยังรถยนต์เป้าหมาย เสียงทุ้มที่เธอคุ้นเคยแล้วก็ดังปานฟ้าผ่า และมันเป็นเสียงที่ส่งลงมาจากเทวดาเพื่อช่วยเธอนั่นเอง... ถึงจะไม่ใช่เสียงจากเทวดาโดยตรงก็เถอะ
“!!!ปล่อยมือจากเมียฉันเดี๋ยวนี้!!!”

นายเหมืองมองหาอะไรอยู่หรือคะ
วันเพ็ญร้องถามเสียงหวาน ออกไปทางกระดี๊กระด๊าจนปิดไม่มิด เพราะหล่อนได้มาโฉบฉายเที่ยวในตลาดกับเขา พลางเดินตางหลังร่างใหญ่มาติดๆ เพราะตั้งแต่ลงจากรถกระบะที่ขนคนงานจำนวนนึงมาเที่ยวตลาด โดยมีพี่ไข่นุ้ยขับมานั้น หล่อนก็เห็นชายหนุ่มเดินวุ่นวายไปทั่วตลาด สายตาคมก็มองหาอะไรอยู่สักอย่าง และดูร้อนรนจนเธอสงสัย
มุกตาภา เขาตอบสั้นๆ ขาวยาวๆ ก็ก้าวเร็วๆ ไปตามทางเดิน ฝ่าผู้คนที่เดินกันขวักไขว่ สายตาคมกริบก็มองหาร่างเล็กขาวผ่องของคนในความคิด แต่ก็ไร้วี่แวว...
คนฟังกัดฟันกรอด และเข้าใจถึงเหตุผลของการเกณฑ์คนงานขึ้นรถกระบะมาเที่ยวตลาดจนถ่องแท้ ที่แท้ก็จะออกมาหานังมุกตาภา นังมารหัวใจ หล่อนก่นด่าในใจอย่างเจ็บแสบ
งั้นเพ็ญช่วยตามหาอีกแรงนะคะ คนตีสองหน้าได้เก่งกาจก็ขันอาสาอย่างมีน้ำใจ หากมือบางกลับกำเข้าหากันอย่างแค้นเคือง
อืม อิศม์เดชพยักหน้ารับ โดยไม่คิดแม้จะหันหลังกลับมามอง ร่างใหญ่ยังเดินฝ่าฝูงชนไปยังบริเวณท้ายตลาด
ฝ่ายแม่บ้านสาวยืนขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่เป็นนาน ก่อนจะสะบัดหน้าพรืด เดินกระแทกเท้าตามหลังไปแบบไม่เต็มใจ หล่อนไม่คิดจะช่วยตามหามุกตาภาอย่างที่หล่อนว่าไว้สักนิด ทว่าคนที่ไม่คิดช่วยอย่างหล่อน กลับเห็นช็อตเด็ดๆ ตำตา ช็อตที่มารหัวใจของหล่อนกำลังโดนล้อมหน้าล้อมหลัง และกำลังโดนฉุดกระชากลากถูอยู่ตรงท้ายตลาด...
ดี... โดนลากไปรุมโทรมเลยก็ดี วันเพ็ญแสยะยิ้มอย่างรื่นรมณ์ ดีใจยิ่งกว่าถูกหวย...
นอกจากหล่อนจะไม่มีทางยื่นมือเข้าไปช่วยแล้ว หล่อนจะขัดขวางอิศม์เดชไม่ให้หันไปเห็นเหตุการณ์เป็นอันขาด คิดได้ดังนั้น วันเพ็ญก็รีบถลาไปดึงร่างใหญ่ให้หันหลังกลับมาเผชิญหน้ากับตนทันควัน
นายเหมืองคะ ตะกี้เพ็ญเห็นหลังนายหญิงแว้บๆ อยู่ตรงโน่นน่ะค่ะ เราเดินตามไปเถอะคะ
หล่อนชวน พลางคว้าลำแขนแข็งแรง แล้วออกแรงดึงไปในทิศทางตรงกันข้ามกับบริเวณที่หญิงสาวเคราะห์ร้ายกำลังโดนนักเลงทำมิดีมิร้ายอยู่
อิศม์เดชพยักหน้ารับตามประสาคนพูดน้อยและไม่แสดงความรู้สึกออกมาทางสีหน้า ทว่าในใจเต็นระริกอย่างยินดีโดยที่เจ้าตัวก็ไม่รู้ตัว ทว่าร่างใหญ่ที่กำลังเดินตามวันเพ็ญไปนั้น ต้องหยุดชะงักลง เมื่อเขาได้ยินเสียงหวีดร้องแว่วๆ ของคนที่เขากำลังตามหาอยู่
ถึงจะได้ยินเพียงแป็บเดียว และไม่ครบประโยคดีนัก แต่อิศม์เดชก็ค่อนข้างมั่นใจว่า เป็นเสียงหวานของภรรยาเขา ไม่ผิดแน่ๆ
ร่างใหญ่สะบัดท่อนแขนออกจากการเกาะกุมของวันเพ็น ก่อนหันหลังไปมองตามต้นเสียง พร้อมกับเดินกลับไปชะเง้อมองหาอยู่สักพัก แล้วภาพที่ปรากฎต่อสายตาคมกริบของเขา ก็แทบทำให้อิศม์เดชลุกเป็นไฟด้วยเพลิงแห่งความพิโรธ
เพราะผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาของเขากำลังโดนฉุดกระชากลากถูด้วยน้ำมือผู้ชายสามคนซึ่งล้อมหน้าล้อมหลังร่างเล็กอยู่จนมิด อิศม์เดชปรี่เข้าไปยังที่เกิดเหตุด้วยความเร็วยิ่งกว่าลูกกระสุน พร้อมกับส่งเสียงห้ามดังสนั่นลั่นปฐพี ทำเอาพวกนักเลงต้องหันมามองที่เขาเป็นจุดเดียว
คุณเอิร์ธ มุกตาภายิ้มออกทั้งน้ำตา อยากร้องเรียกหาเขาใจจะขาด แต่โดนปิดปากเอาไว้
และเมื่อนายเหมืองหนุ่มหวงเมียเห็นว่าไอ้พวกผู้ชายหน้าตัวเมียทั้งหลาย ยังคงยืนตะลึงแน่นิ่งกับการปรากฎตัวของเขา และยังไม่ยอมปล่อยมือออกจากร่างเล็ก เขาก็ย้ำคำสั่งอย่างเหี้ยมเกรียมนั้นอีกครั้ง
ฉันบอกให้พวกแกปล่อยมือสกปรกๆ ออกจากเมียฉันเดี๋ยวนี้!!”
หมันแล้ว ได้ยินไม่ผิดแน่ นี่มันเมียนายเหมืองเอิร์ธนี่หว่า (ใช่แล้ว) นั่นคือสิ่งที่สิงห์คิดได้ หลังจากมัวแต่ตื่นตกใจกับท่าทีและน้ำเสียงของนายเหมืองคนดัง ที่จู่ๆ ก็โผล่มาทวงของสำคัญได้ทันท่วงที
และไม่ต้องรอให้อิศม์เดชประกาศิตเป็นครั้งที่สาม สิงห์และพรรคพวกก็รีบปล่อยมือออกจากร่างเล็กราวกับเธอเป็นต้นไม้ที่เต็มไปด้วยหนามคม จับแล้วอาจจะเจ็บตัวได้ โดยน้ำมือเจ้าของของมัน...
คุณเอิร์ธ มุกตาภารีบวิ่งหนีเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนที่อ้ารับอยู่อย่างรวดเร็ว ร่างเล็กสั่นเทาราวกับลูกนกตกน้ำ ร้องไห้ซบอกแกร่งของเขาจนตัวโยน ถ้าเขามาไม่ทัน มันจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอ เธอไม่อยากจะนึก แต่เมื่อต้องนึก เธอก็กลัวอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ แขนเรียวกอดร่างใหญ่อย่างขอที่พักพิงแน่นยิ่งขึ้นไปอีก...
อิศม์เดชโอบระชับร่างเล็กไว้อย่างหวงแหน หัวใจเขาบีบคั้นจนน่ากลัวยามเห็นร่างเล็กๆ กำลังโดนไอ้พวกนักเลงจับเนื้อต้องตัว ห่วง หวง โหยหา มันปนเปอยู่ข้างในจนเขาสับสนไปหมด และจังหวะของหัวใจกลับมาเต้นเป็นปกติอีกครั้ง ก็ต่อเมื่อหญิงสาวปลอดภัยอยู่ภายในวงแขนของเขา
ไอ้สิงห์ มึงทำอะไรเมียกู
นายเหมืองหนุ่มหันหน้าไปหาเรื่องผู้ชายที่เขารู้จักดีว่าเป็นใคร พฤติกรรมน่ารังเกียจเพียงใด โชคดีของสิงห์ที่เขารู้จักมักคุ้นกับบิดาของอีกฝ่ายดี และไม่อยากให้เรื่องบานปลายใหญ่โต เพราะยังไงเสีย น้ำก็ต้องพึ่งเรือ เสือก็ต้องพึ่งป่า ไม่งั้นคงได้มีการลงไม้ลงมือสั่งสอนเป็นแน่
ไม่ได้ทำหรายสักหิดเดียวนายเหมืองเห้อ หยอกน้องเล่นเฉยๆ นี่ (ไม่ได้ทำอะไรเลยนายเหมือง)
สิงห์แก้ตัวเป็นพัลวัน เสียดายความสวยของสาวตรงหน้าเป็นที่สุด แต่จะให้เขาแข็งข้อกับนายเหมืองคนนี้ เขาขอล่าถอยดีกว่า
อิศม์เดชไม่ต่อปากต่อคำ แต่ใช้สายตาคมกริบที่คลุ้งโขมงไว้ด้วยความโกรธเคืองเป็นตัวสื่อความหมายแทน จนสิงห์ต้องเสหลบเป็นการใหญ่ ก่อนทำเสียงหัวเราะแก้เก้อ
ไม่รู้ว่านายเหมืองแต่งเมียแล้ว แต่งมอหรือ ไม่บอกกันสักหิดเดียว (ไม่รู้มาก่อนว่านายเหมืองแต่งงานแล้ว แต่เมื่อไหร่ ไม่บอกกันเลย) สิงห์ถามเชิงหยอก
ลูกชายกำนันทำใจดีสู้เสือที่เขารู้จักกิจศัพท์ของอีกฝ่ายเป็นอย่างดี บิดาของเขาก็รู้จักสนิทสนมกับนายเหมืองคนนี้ไม่น้อย เพราะอิศม์เดชเป็นคนดังของที่นี่ และคอยให้ความร่วมมือช่วยเหลือชุมชนอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น เขาไม่สมควรหือกับผู้ชายคนนี้
แต่งไม่กี่วันก่อน ไว้ฉันจัดงานเลี้ยงเมื่อไหร่จะเชิญกำนันเอง
อิศม์เดชบอกแค่นั้น ซึ่งหมายความว่าพ่อเท่านั้นที่ได้รับเชิญ แล้วเขาก็จัดการลากร่างเล็กหลุนๆ หนีไปอีกทางทันที ไม่อยากจะเสวนาอะไรไปมากไปกว่านี้ อีกอย่างเขามีเรื่องต้องคิดบัญชีกับตัวต้นเหตุเรื่องยุ่งๆ ทั้งหมดนี้ด้วย
สิงห์ใจหายวาบ ก่อนถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อนายเหมืองหนุ่มเดินจากไป ก่อนเดินหนีไปยังรถยนต์ของตัวเองเช่นกัน
ส่วนคนเห็นเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นอย่างวันเพ็ญก็ยืนแน่นิ่งตาค้างอยู่กับที่ ความเป็นห่วงติดไปถึงขั้นหวงของอิศม์เดชต่อนังผู้หญิงคนนั้นทำให้หล่อนหน้าชา และชาวาบไปทั่วตัว หล่อนได้ยินคำเรียกแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของนั่นชัดเจน
กลีบปากบางถูกขบกันอย่างควบคุมข่มอารมณ์เอาไว้สุดฤทธิ์ มือบางก็กำเข้าหากันแน่นอย่างสุดเกลียดแค้น เส้นเลือดตรงคอโป่งพอง...
อีนังมุกตาภา ฉันไม่มีวันยอมแพ้แกแน่...

อิศม์เดชที่ดีกรีความโกรธเคืองยังไม่ได้ลดลงแม้แต่น้อยนิดลากร่างเล็กถูลู่ถูกังตรงไปยังรถยนต์ที่จอดอยู่ตรงด้านหน้าตลาด มุกตาภาเดินตามขาแทบขวิด ไม่เข้าใจอารมณ์สามีตัวเองเท่าใดนัก รู้ว่าเขาโกรธ แต่ในเมื่อเธอก็ปลอดภัยแล้ว ทำไมยังทำหน้าเป็นยักษ์เป็นมารเหมือนเดิม
คุณเอิร์ธเดินช้าๆ หน่อยค่ะ มุกเดินไม่ทัน
ช่วงขาของเธอกับเขาห่างกันลิบลับ แล้วไหนจะมือหนาที่บีบแน่นอยู่ตรงข้อมือเล็กๆ ของเธออีก หญิงสาวเจ็บต้องนิ่วหน้า
เธอก็เดินตามให้เร็วๆ หรืออยากอยู่อวดโฉมให้ไอ้พวกนักเลงฉุดอีก หา!”
นายเหมืองหนุ่มหันหลังมาถากถางด้วยน้ำเสียงเกือบเป็นตวาด พลางลากร่างเล็กเร็วยิ่งขึ้นไปอีก มุกตาภาน้ำตาตกใน ไม่อยากหาเรื่องทะเลาะกับเขากลางตลาด ได้แต่เดินตามเขาให้เร็วที่สุด ตามแต่สมรรถภาพร่างกายจะอำนวย
ทว่าร่างใหญ่ก็ต้องหยุดตัวลงแทบไม่ทันเมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อของเขาดังลั่น อิศม์เดชเลยต้องหันไปมอง แล้วก็พบว่าเป็นแม่ค้าขนมจีนที่เขามาแวะมาทานเป็นประจำนั้นเอง
นายหัวเอิร์ธ มาม่อหรือนั้น มาๆๆ มากินหนมจีนของป้าก่อนมา ไม่เห็นนาน ลำลึกอย่างแรงพ่อคุณเห้อ (นายหัวเอิร์ธมาเมื่อไหร่ มากินขนมจีนก่อน ไม่เห็นนาน คิดถึงมากๆ)
ป้าสาย แม่ค้าขนมจีนซึ่งให้ความรักความเอ็นดูนายเหมืองหนุ่มเป็นพิเศษร้องเรียกเขาเอาไว้ไม่พอ ยังเดินมาคว้าแขนล่ำ แล้วลากให้ไปนั่งที่โต๊ะขายขนมจีนซึ่งมีผักสดมากมายหลากหลายชนิดวางเรียงรายอยู่ตรงกลางโต๊ะ
เอาไว้วันหลังนะครับป้าสาย ผมรีบ
อิศม์เดชบอกปฏิเสธแบบละมุนละม่อม ยื้อตัวเอาไว้ไม่เดินตาม เขายังมีบัญชีที่ต้องคิด ไม่เวลาแวะนั่งกินขนมจีน
แขบไปไหน กินหนมจีนป้าก่อน แล้วนี่ใครนี่ อยู่สาวจังหู้ (รีบไปไหน กินขนมจีนของป้าก่อน แล้วนี่ใคร สวยจังเลย)
ป้าสายชวน ก่อนถามเสียงดังยิ่งขึ้นไปอีกเมื่อหันไปเห็นมุกตาภา มืออวบก็ยกขึ้นจับสำรวจร่างขาวละมุนของเธออย่างชื่นชม นานๆ จะได้เห็นผู้หญิงสวยๆ มาเดินตลาด
เมียผมเองครับ เขาตอบสั้นๆ อีกครั้ง หากคำของเขาทำให้แก้มคนได้ยินที่ถือตำแหน่งเมียเอาไว้ด้วยร้อนผ่าวๆ
ตาย!! เมีย!! แต่งงานม่อหรือนี่ ฮายและตะ อยู่สวยเพรือนี่ ชื่อไหร่นี่ (แต่งงานเมื่อไหร่ ดูสิ สวยมากๆ ชื่ออะไรจ๊ะ) ป้าสายอุทานอย่างตกใจ ก่อนทำการสัมภาษณ์เป็นการใหญ่ เพราะเรื่องใหญ่เช่นนี้ ต้องกระจายไปทั่วๆ กัน
อะ เอ่อ คนฟังภาษาท้องถิ่นไม่ถนัด อ้าปากค้าง ไม่แน่ใจว่าสิ่งที่คุณป้าพูดอยู่คืออะไร สำหรับคนเมืองกรุงอย่างเธอ ฟังแล้ว ไม่ต่างกับภาษาต่างประเทศ ไม่คุ้นเคยเลยสักนิด ทั้งภาษาที่สั้นตัดความ ทั้งน้ำเสียงสูง เสียงต่ำนั่น
ป้าเขาถามว่าเธอชื่ออะไร คนฟังออกช่วยแปล
อ๋อ ชื่อมุกค่ะ มุกตาภา
ฮายแลต๊ะ อยู่สวยแล้ว ยังชื่อเพราะหลาว สมกันอย่างแรงเลย ผัวหล่อ เมียก็สวย (ดูสิ หน้าตาก็สวย ชื่อก็เพราะ เหมาะสมกันมาก สามีหล่อ ภรรยาก็สวย) ป้าสายชมอย่างปลาบปลื้ม
คำของคนแก่ทำเอาคู่ผัวเมียมองหน้ากันเลิ่กลั่ก แก้มร้อนวูบวาบไม่ต่างกัน
พรรค์นี้ลูกสาวป้าก็อกหักแหละ (แบบนี้ลูกสาวป้าก็อกหักสิ) ป้าสายแอบกระเซ้า เพราะบุตรสาวของนางก็แอบหลงแอบปลื้มนายเหมืองสุดหล่ออยู่ไม่น้อย ก่อนถามอย่างตื่นเต้น
แล้วนายเหมืองไม่จัดงานเห้อ จัดต๊ะ คนได้รู้ว่านายเหมืองมีเมียแล้ว (นายเหมืองไม่จัดงานแต่งหรือ จัดเถอะจ๊ะ)
ครับ แล้วผมจะบอกป้านะครับ นายเหมืองหนุ่มเห็นด้วย คนจะได้รู้กันถ้วนหน้าว่ามุกตาภาเป็นภรรยาเขา
แต่วันนี้ผมขอตัวก่อน ขนมจีนจะแวะมาทานวันหลังนะครับ อิศม์เดชลาอีกครั้ง แล้วหันหลัง ลากร่างเล็กหนีตรงไปยังรถกระบะทันที
ไข่นุ้ย กุญแจ เขาตะโกนเรียกลูกน้องซึ่งก็กุลีกุจอกดเปิดล็อครถให้ทันที พร้อมทั้งยื่นกุญแจให้ด้วย
ขึ้นไป ยืนเฉยอยู่ทำไม อิศม์เดชสั่งพลางจับร่างเล็กยัดเข้าไปนั่งข้างคนขับ ปิดประตูอย่างแรง โดยไม่สนว่าประตูของรถคันใหม่จะพังเหมือนที่เขาเคยต่อว่าเธอเอาไว้
มุกตาภาตะลึงอ้าปากค้าง ตกใจกับความกักขฬะของเขาเสียเต็มประดา หรือเพราะผันมาเป็นนายเหมืองเสียนาน เลยต้องทำตัวเถื่อนๆ เพื่อให้ควบคุมลูกน้องได้ จนเขาคงลืมไปแล้วกระมัง ว่าพูดดีๆ กันก็ได้ ไม่เห็นต้องใช้กำลังกันขนาดนี้
ให้คนงานกลับพร้อมกับแมนนะ ฉันจะกลับไปก่อน นายเหมืองหนุ่มสั่งความไข่นุ้ย ก่อนก้าวขึ้นประจำที่คนขับ แล้วขับรถกระชากออกไปจนฝุ่นตลบให้ไข่นุ้ยไอแคกๆ อย่างงงงวยกับพฤติธรรมเจ้านายตัวเอง จะมาจะไปไวอย่างกับพายุ...

 ขะ ขอบคุณค่ะ
มุกตาภาเป็นฝ่ายเอ่ยทำลายความเงียบขึ้น หลังจากนั่งรถกันมาสักพัก เพราะเขายังนิ่งเงียบ ไม่พูดจาสักคำ และแทนคำพูดใดๆ อิศม์เดชเลี้ยวรถเข้าจอดตรงข้างทาง แล้วหันมาถามด้วยน้ำเสียงห้วนเคร่งขรึม  
เธอรู้มั้ย ถ้าฉันไปช่วยเธอไม่ทัน จะเกิดอะไรขึ้น
รู้ค่ะ ใบหน้านวลพยักรับ น้ำตาปริ่มเบ้าตาที่ปกคลุมได้ด้วยแพขนตางามงอนนั้นอีกครั้ง แค่คิดขนหัวเธอก็ลุกขึ้นมาทันใด
แล้วทำไมไม่อยู่กับไอ้แมนมัน น้ำเสียงเขากรรโชกถามดังยิ่งขึ้น นึกโกรธเพื่อนรักขึ้นมาด้วยครามครัน ที่ปล่อยให้เมียเขาไปเดินอวดความสวยอยู่ในตลาดนัดคนเดียว
ทีแรกอิศม์เดชตั้งใจว่าจะขับรถไปเรื่อยๆ และหวังว่าเมื่อไปถึงบ้าน อารมณ์โกรธของเขาจะลดเลือนหายไปบ้าง แต่ไม่เลย ทุกครั้งที่นึกถึงภาพหญิงสาวโดนจับเนื้อต้องตัวอยู่นั้น เขาก็เดือดดาลขึ้นมาทุกครั้ง
ไม่ใช่ฐานะภรรยาที่เขาต้องดูแลปกป้องเธอเท่านั้น ฐานะบุตรสาวของเพื่อนรักของมารดาก็ค้ำคอเขาอยู่ แล้วไหนจะความรักความเอ็นดูที่คุญหญิงอรวรามีให้ลูกสะใภ้คนนี้อีก...
เมียคนเดียวยังดูแลไม่ได้  มารดาต้องต่อว่าเขาแบบนี้เป็นแน่
พี่แมนทานข้าวต้มอยู่กับมะนาว มุกเลยขอออกไปเดินในตลาดน่ะค่ะ
เลยได้โอกาสไปเดินอวดโฉมจนได้เรื่อง คนมีอคติในใจเยาะอย่างประชดประชัน
มุกแค่ไปเดินเลือกซื้อของ แล้วพวกนั่นก็เข้ามาวุ่นวายกับมุกค่ะ
เธออธิบายด้วยน้ำเสียงที่เริ่มแข็งขึ้น ใบหน้างามบึ้งตึง เรื่องอะไรมากล่าวหากันอย่างนี้
ไปเลือกอีท่าไหน ไอ้สิงห์มันถึงได้ฉุดเอาล่ะ คนโกรธถามอย่างเย้ยหยัน ทั้งยังกระตุกยิ้มตรงมุมปาก
มุกตาภาสุดจะทนไหวอีกต่อไป ถ้าเขาไม่มีเหตุผล ไม่มีอารมณ์จะฟัง ต่อให้เธออธิบายจากปากฉีกไปถึงรูหูเขาก็คงไม่ฟัง
ไม่ทราบสิค่ะ มุกคงเผลอไปส่งยิ้มให้เขาโดยไม่ได้ตั้งใจมั้ง ในเมื่อเขาประชดถากถางเธอไม่หยุด ทำไมเธอจะทำบ้างไม่ได้
เพราะเธอไปให้ท่าพวกมันไง ไอ้พวกบ้านั่นมันถึงจะได้ฉุดเธอเอาน่ะ อิศม์เดชกล่าวหาด้วยน้ำเสียงดูถูกดูแคลน
คงงั้นมั้งคะ หญิงสาวยอมรับหน้าชื่นอกตรม
หมดแรงอธิบายให้เขาฟัง มุกตาภาไม่เข้าใจว่า ทำไมเขาถึงไม่เข้าใจอะไรได้ง่ายๆ บ้าง ก็เธอบอกไปแล้วว่า จู่ๆ ก็โดนพวกผู้ชายมาวุ่นวายด้วยเอง แต่ดูเหมือนเขากลับคิดว่าเธอเป็นคนให้ท่า เป็นคนเริ่มเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด
อยู่เฉย ๆ แบบไม่ต้องมีเรื่องไปพัวพันกับผู้ชายบ้างได้มั้ย เฮอะ แต่ดูท่าทางเธอคงอยากเป็นหนึ่งในเมียของไอ้สิงห์นะ ไอ้นี่มันชอบผู้หญิงกร้านๆ มากประสบการณ์อย่างเธอเสียด้วยสิ คำเยาะเย้ยยังหลุดออกจากทางวาจาและสายตาคมกริบคนพูดที่ในใจเต็มไปด้วยภาพที่เขาเห็นในผับนั่น...
หยาบคาย คำนี้ลอดไรฟันออกมาจากเรียวปากอิ่มที่กำลังขบกันอย่างข่มอารมณ์สุดฤทธิ์ ถึงเธอจะไม่ใช่สาวบริสุทธิ์ แต่ก็ไม่สกปรกเท่าการกระทำและความคิดต่ำๆ ของเขาสักนิด
หยาบคายตรงไหนกัน ฉันพูดความจริงทุกอย่าง ทำไม มีผัวคนเดียวไม่พอหรือไง แต่ถ้าอยากมีผัวทีเดียวหลายคน ก็ไม่เห็นจำเป็นต้องไปอ่อยเหยื่อถึงตลาดเลย ในเหมืองก็มีเยอะแยะ อยากได้เมื่อไหร่ก็บอกนะ ฉันจัดให้เอง”
“!เผียะ!”
คนสูญสิ้นความอดทนทนไม่ไหวกับถ้อยคำแสนดูถูกดูแคลนนั้นอีกต่อไป มือน้อยแต่แรงไม่น้อย ฟาดไปบนใบหน้าคมคล้ามนั่นอย่างเหลืออด
ใบหน้าคมหันไปตามแรงตบ ก่อนหันกลับมามองเจ้าของฝ่ามือที่ฝากรอยไว้บนแก้มสากเขาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
ผู้หญิงคนนี้อวดดียังไงถึงบังอาจมาตบหน้าเขา...เป็นคนแรก ตั้งแต่ชายหนุ่มได้ถือกำเนิดมาจนอายุครบ 30 ปีแล้ว
นัยน์ตากลมโตเบิกโพลงด้วยความกลัว เมื่อได้เห็นสายตาคมกริบที่เต็มไปด้วยดวงไฟลุกโชนอยู่ข้างในนั่น แสดงให้เห็นว่าเขาอยู่ในอารมณ์โกรธเกรี้ยวเพียงใด
มุกตาภาสะท้านเยือกไปทั้งตัว คิดผิดมหันต์แล้วที่ไปตบเขา เขาไม่ไว้ชีวิตเธอแน่ เมื่อคิดได้ดังนั้น คนกลัวจึงลนลานเปิดประตูรถ ตั้งใจหนีเขาลงจากรถ ยอมไปตายเอาดาบหน้ายังดีกว่าต้องนั่งรถไปคนที่กำลังโกรธจนตัวสั่นและอาจลงมือฆ่าเธอให้ตายได้ในบัดดล
ทว่าร่างเล็กก็ถูกดึงเอาไว้อย่างแรง ก่อนโดนกระชากจนอกนุ่มหยุ่นปะทะกับแผงอกบึกบึน แล้ววงแขนแข็งแรงราวกับคีมเหล็กก็รัดเธอไว้แน่น จนเธอหมดหนทางดิ้นหนีไม่พอ ยังหายใจแทบไม่ออกอีกด้วย
ปล่อยมุ... มุกตาภาแหวยังไม่ทันจบ เสียงที่เปล่งออกมาเป็นคำก็กลายเป็นเสียงอู้อี้แทน เพราะเรียวกปากร้อนจัดที่ฉกวูบลงมาปิดกั้นน้ำเสียงอุทธรณ์ของเธอเสียหมดสิ้น
อิศม์เดชที่โกรธจนยั้งตัวไม่อยู่ประกบจุมพิตลงบนกลีบปากอิ่มอย่างแรง และบดเคล้าเรียวปากคู่สวยนั้นอย่างกระแทกทั้น จนกลีบปากเธอบวมช้ำทันตาเห็น มุกตาภานิ่งงันตื่นตะลึงกับจูบแรกในชีวิต อย่างน้อยก็เป็นจูบที่เธอจำได้
จูบแรกจากสามีเต็มไปด้วยความดุดันและรุนแรง ไร้ซึ่งความอ่อนโยนอย่างคู่ชีวิตพึงปฏิบัติให้แก่กัน มันไม่ใช่จุมพิตจากรัก ทว่าคือการลงทัณฑ์ต่างหาก มุกตาภาเจ็บแปลบตรงขั้วหัวใจ
เพราะจูบลงทัณฑ์ของเขาทำเอาเธอรวดร้าวไปทั้งปาก ซ้ำยังได้กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปหมด แต่ก็เขาก็หาได้ใส่ใจไม่ ยังคงควานหาความหวานฉ่ำจากความเจ็บช้ำของเธอต่อไป เขาคงต้องการลงโทษที่เธอไปตบหน้าเขา แล้วที่เขามาต่อว่าเธอล่ะ เธอก็เจ็บเหมือนกัน เธอตบเขาสั่งสอน มันก็สาสมเพียงพอกันแล้ว
คนเจ็บไปทั้งตัวและหัวใจรู้สึกเจ็บจนน้ำตาร่วง ก่อนจะรินไหลเป็นทางยาว ป่วยการจะดิ้นรนขัดขืน มุกตาภาจึงได้แต่ปล่อยให้เขาทำตามอำเภอใจ ปล่อยให้เขาจูบเอา จูบเอา จนเธอเริ่มมึนเมาไปกับสัมผัสแปลกใหม่ ที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนในชีวิตสาวของเธอ และตอนนี้มันก็เริ่มแผ่กระจายไปทั่วร่าง...
อิศม์เดชยังคงตั้งหน้าตั้งตาบดขยี้เรียวปากร้อนรุ่มของเขาลงบนกลีบปากอิ่มอย่างไม่ปรานีปราศรัย จนเมื่ออารมณ์โกรธเกรี้ยวหึงหวงลดลง และมีความอ่อนหวานหอมละมุนเข้ามาแทนที่ พร้อมกับมีเสียงครางอื้ออึงออกจากลำคอของทั้งคู่แทนเสียงต่อต้านขัดขืนของเธอ...
แรกเริ่มก็แค่ต้องการลงโทษที่หญิงสาวบังอาจมาตบหน้าเขา ทว่าคนติดใจความหวานล้ำก็ไม่อาจหยุดตัวไม่ให้สำรวจความหวานซาบซ่านใจของเธอได้อีกต่อไป มือหนาข้างนึงประคองพวงแก้มนุ่มเพื่อให้เธอเงยหน้าขึ้นรับจูบหวามวาบของได้ถนัดยิ่งขึ้น
ส่วนมืออีกข้างก็ลูบไล้ไปส่วนเว้าส่วนโค้งของร่างน้อย ก่อนที่จะถูกสอดผ่านเสื้อยืดตัวเล็กเข้าไปสัมผัสความนุ่มหยุ่นแสนหวามวาบของดอกบัวคู่งาม เพื่อกระตุ้นเร้าให้อารมณ์สาวสูงขึ้นและเพื่อไม่ให้หญิงสาวต่อสู้ขัดขืนเขาอีกต่อไป
และมันก็ได้ผล เพราะมุกตาภาระอ่อนทวยรวยแรง จนต้องเอนตัวลงบนพนักเก้าอี้ แล้วปล่อยให้ร่างใหญ่บดเบียดแนบชิดยิ่งขึ้น....
อิศม์เดชหลงระเริงไปกับโพรงปากหอมกรุ่นจนเกินห้ามใจ ลิ้นร้อนจัดแทรกผ่านกลีบปากบวมเป่งที่เผยอขึ้นรับตามกลไกของธรรมชาติ มุกตาภาไม่รู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมเธอถึงปล่อยให้ลิ้นสากวนเวียนกวาดต้อนความหวานฉ่ำในโพรงปากของเธออย่างถ้วนทั่ว ราวกับเธอเต็มใจกับจูบนี้ ทั้งๆ ที่เขาเป็นคนปล้นไปอย่างหักหาญ...
คิดได้ดังนั้น มือน้อยที่เหลือแรงอยู่น้อยนิดก็ออกแรงผลักเขาให้พ้นทางอย่างรังเกียจเดียจฉันท์ มือน้อยก็ยกขึ้นขยี้ตรงเรียวปากของตัวเองอย่างไม่กลัวว่ามันจะยิ่งทำให้บวมเจ่อกว่าที่เป็นอยู่
ถ้าเห็นว่ามุกสกปรก ก็อย่ามาแตะต้องตัวมุกสิ อย่าทำตัวเหมือนคนเกลียดตัวกินไข่ไปหน่อยเลย เธอต่อว่าเขาด้วยน้ำเสียงเจือสะอื้น น้ำตาไหลรินอาบแก้มนวลแดงก่ำ
อิศม์เดชนิ่งงันอยู่ชั่วอึดใจกับคำของเธอ รู้สึกสับสนกับการกระทำและความรู้สึกของตัวเองในขณะนี้เป็นที่สุด ทั้งเกลียดและทั้งต้องการจนร้อนรุ่มไปทั้งตัวในคราเดียวกัน แต่แล้ว ปากที่แดงขึ้นจากแรงบดจูบด้วยเช่นกัน ก็เลือกพูดในสิ่งที่ตรงข้ามกับหัวใจโดยสิ้นเชิง
ฉันก็ไม่ได้อยากแตะต้องเธอสักเท่าไหร่หรอกนะ แต่คนทำผิดต้องได้รับการลงโทษ และนั่นก็คือบทลงโทษของฉัน แล้วอย่าคิดบังอาจตบหน้าฉันเป็นครั้งที่สอง เพราะมันจะไม่จบลงแค่จูบแน่ น้ำเสียงทุ้มเหี้ยมเกรียมนัก
และคำพูดของเขาก็เรียกน้ำตาของมุกตาภาให้ไหลรินไม่ต่างกับทำนบกั้นน้ำแตก หญิงสาวสะบัดหน้าหนีไปซุกตรงระหว่างเก้าอี้และกระจกรถ ร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างโกรธเคืองในตัวเขาและหวาดกลัวกับสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อสักครู่
ยิ่งเห็นน้ำตาของหญิงสาว เขาก็ยิ่งเจ็บปวด อิศม์เดชไม่เข้าใจตัวเอง อยากคว้าร่างน้อยเข้ามาไว้ในอ้อมกอดและปลอบประโลม ทว่าเขาก็เลือกที่จะเงียบและหันหน้าหนีภาพนั่นเสีย
อิศม์เดชหันไปตั้งหน้าตั้งตาขับรถ ในขณะเดียวกันก็ก่นด่าตัวเองในใจที่ไปทำอะไรอุกอาจเอากับภรรยาที่เขาไม่คิดจะยุ่งเกี่ยวผูกพันด้วยเลยสักนิด แต่ดูเหมือนว่า มันจะเป็นเรื่องยากมากขึ้นไปทุกที เพราะเพียงแค่ได้ลิ้มรสหวานของจุมพิต เขาก็แทบห้ามตัวเองไว้ไม่อยู่แล้ว ชายหนุ่มสาบานได้ว่า ตัวเขาได้ลุกเป็นไฟไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ยามได้รับดูดดื่มจุมพิตนั้น
ที่สำคัญ ทำไมเขารู้สึกว่าเธอจูบไม่เป็นการเป็นงานเลยสักนิด ซึ่งมันแปลกสำหรับผู้หญิงคนนี้...
และในทันทีที่รถยนต์จอดสนิทตรงลานจอดรถหน้าบ้าน มุกตาภาก็เปิดประตูรถแล้ววิ่งหนีขึ้นบนห้องตัวเองทันที ทิ้งไว้ให้คนมองตามหลัง ด้วยความรู้สึกสับสนจนแทบจับต้นชนปลายไม่ถูก
นี่เขาเป็นอะไรไป...

No comments:

Post a Comment