no right click


Friday, May 20, 2011

ตอนที่ 7. Bedroom Thrill: ผักชีโรยหน้า พาเมียเข้าหอ

ตอนที่ 7. Bedroom Thrill: ผักชีโรยหน้า พาเมียเข้าหอ

วันนี้ย้ายเข้าไปอยู่ห้องฉันด้วย
นั่นเป็นคำสั่งสั้นๆ จากสามีในนาม แต่มันทำให้หัวใจมุกตาภาเต้นกระหน่ำรัวเร็วราวกับนั่งรถไฟเหาะตีลังกาอยู่เป็นนาน...
คนเจ้าอำนาจบาตรใหญ่ทิ้งท้ายไว้ที่โต๊ะอาหาร ก่อนเข้าไปทำงานในเหมืองตามปกติ มุกตาภาได้แต่มองตามหลังอย่างคับแค้นใจ เขาเห็นเธอเป็นอะไร วันก่อนยังระเริงรักอยู่กับแม่บ้านวันเพ็ญอยู่เลย วันนี้จะเรียกหาตัวเธอให้ไปบริการ
หัวเด็ดตีนขาด เธอก็ไม่ยอม...
ไม่ใช่แค่นั้น เขายังด่าสาดเสียเทเสียว่าเธอสกปรก จนเขาไม่คิดอยากจะแตะต้อง แล้วตอนนี้หวังจะมากลืนน้ำลายตัวเองน่ะหรือ ไม่มีทาง...
หลังจากเกิดเหตุการณ์ที่ตลาดนัดครานั้น มุกตาภาก็ทำตัวห่างเหิน หมางเมินกับสามีมาตลอด หลบได้เป็นหลบ หลบไม่พ้นก็พูดเท่าที่จำเป็น ส่วนตัวเขาก็เองก็ไม่ได้มีทีท่าอยากจะเสวนากับเธอเท่าใดนัก ที่สำคัญไม่เคยคิดจะพูดดีๆ หรือแม้แต่เอ่ยคำขอโทษกับเธอสักคำ และนี่ก็จะครบสองอาทิตย์แล้ว สถานการณ์ระหว่างทั้งสองก็ยังไม่ดีขึ้น...


หญิงสาวใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในแปลงปลูกผักและฟาร์มสัตว์ย่อยๆ นั้น รวมทั้งช่วยทำงานทั่วๆ ไปในออฟฟิศประจำเหมือง ดีหน่อยที่เธอมีภรณ์ทิพย์คอยเป็นเพื่อน พาไปโน่นไปนี่ จับจ่ายซื้อของในตัวเมือง ทำให้เธอไม่เบื่อจนแทบกลายเป็นบ้าไปเสียก่อน  
ทว่าตกบ่ายของวันเดียวกัน มุกตาภาที่นั่งๆ นอนๆ อยู่ในห้องนั่งเล่นก็เข้าใจถึงคำสั่งของผู้เป็นสามีได้เป็นอย่างดี เมื่อเธอเห็นรถตู้เมอร์ซิเดสเบนซ์คนใหม่มันปลาบซึ่งวิ่งเข้ามาจอดตรงลานหน้าบ้าน พร้อมกับร่างคุณหญิงอรวราที่ลงมาจากรถตู้อย่างงามสง่า ตามประสาคนมีราศีจับไปทั้งตัว...
มุกตาภาตกตะลึงไปชั่วอึดใจนึง ก่อนรีบวิ่งขึ้นไปห้องนอนตัวเอง คว้าข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นเท่าที่คว้าได้ แล้วรีบพาเข้าไปจัดไว้ในห้องนอนของสามีทันที...ตามที่เขาบอกเธอไว้เมื่อเช้า และเธอทำทุกอย่างเสร็จด้วยความรวดเร็ว ราวกับว่ามีคนจับเวลาแข่งชิงรางวัลก้อนโตอยู่
จากนั้นก็วิ่งหน้าตาตื่นลงไปต้อนรับผู้ใหญ่ด้วยความตื่นเต้นดีใจ เพราะเธอมีความสุขที่ได้เห็นเพื่อนสนิทของมารดา ซึ่งเธอให้ความรักเคารพนับถือมาตั้งแต่เล็ก เห็นกันมาตั้งแต่อ้อนแต่ออก ท่านจึงให้ความรักความเอ็นดูเธอยิ่งนัก
อิศม์เดชก็กลับมาจากทำงานแต่หัววัน เพื่อมาพบมารดา รวมทั้งรับประทานอาหารค่ำและพูดคุยกันตามประสาแม่ลูก ก่อนที่คุณหญิงจะขอตัวขึ้นไปนอนแต่หัวค่ำเพราะนั่งรถมานานจนเมื่อยขบไปทั้งตัว มุกตาภาจึงสบโอกาส รีบขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวก่อนที่เจ้าของห้องจะขึ้นมาข้างบนด้วย...
และเวลาที่มุกตาภาหวาดกลัวที่สุด ก็มาถึงแล้ว นั่นก็คือเวลานี้นี่เอง...
ร่างเล็กยืนกอดหมอนข้างอยู่กับที่อยู่เป็นนาน ดวงตากลมโตทว่าไหวระริก จ้องไปยังเตียงใหญ่กลางห้องไม่วางตา ร่างใหญ่ที่อยู่บนชุดนอนลายทางเป็นที่เรียบร้อยแล้วและนอนเอกเขนกอ่านหนังสืออยู่ราวกับเธอไม่มีตัวตน ก็ยิ่งทำให้มุกตาภาทำตัวไม่ถูกยิ่งขึ้นไปอีก
จะยืนอย่างนั้นอีกนานมั้ย
อิศม์เดชถามขึ้นอย่างเหลืออด เพราะตั้งแต่เขาอาบน้ำแต่งตัวขึ้นมานอนอยู่บนเตียง มันก็ผ่านไปครึ่งชั่วโมงแล้ว แต่หญิงสาวยังยืนนิ่งเป็นหุ่นอยู่กับที่จนเขาชักรำคาญ...
เอ่อ จะให้มุกนอนเตียงเดียวกับคุณเอิร์ธจริงๆ เหรอคะ มุกตาภาสะดุ้งโหยง ก่อนถามด้วยน้ำเสียงสั่นหวิว
ก็ใช่น่ะสิ เขาตอบเสียงห้วนโดยไม่หันมามองร่างเล็กที่อยู่ในชุดนอนตัวโคร่งลายแตงโมลูกโต เนื้อแดงฉ่ำ ดูน่ากินทั้งคนใส่ทั้งชุดนอน
ถ้าไม่ได้สายสืบมือหนึ่งอย่างอติวิชญ์โทรมาบอกเขาล่วงหน้า ว่ามารดากำลังเดินทางลงมาที่เหมืองเพื่อจับผิดชีวิตคู่ของเขาโดยเฉพาะ เขาก็ไม่เคยคิดจะชวนหญิงสาวย้ายมาอยู่ห้องเดียวกันเลยแม้แต่น้อย
เพราะมันไม่ต่างกับการทรมานตัวเองให้ตายทั้งเป็น อิศม์เดชยังจำรสชาติและความรัญจวนใจจากจูบของหญิงสาวได้ไม่จางหาย เพราะฉะนั้นการมีเธออยู่ใกล้ๆ โดยเฉพาะในที่รโหฐานแบบนี้ คือสิ่งต้องห้าม
และที่สำคัญ เขาไม่เคยนอนร่วมเตียงกับหญิงสาวคนใดจนถึงเช้าอีกเลย ตั้งแต่เลิกรากับซาแมนต้ามากว่าห้าปีแล้ว...
ตะ แต่มันจะดีเหรือคะ คือมุก มุก มุกตาภาพูดไม่ทันจบ เสียงทุ้มห้วนก็แทรกขึ้นมาก่อน
ฉันไม่ทำอะไรเธอหรอกน่า
อิศม์เดชบอกอย่างไม่ใส่ใจ ทว่าในใจสั่นรัว กลัวว่าจะทำไม่ได้อย่างที่พูดไปจริงๆ ร่างใหญ่ล้มตัวลงนอน ก่อนใช้รีโมทปิดไฟ ทั้งห้องจึงเหลือเพียงแสงจันทร์สลัวๆ ที่สาดส่องเข้ามาในห้องให้คนที่ยังยืนอยู่เห็นอะไรบ้างในความมืด
มุกตาภายู่หน้า เชื่อได้ตายล่ะ เชื่อได้หรือเปล่า ไม่เชื่อหรอก...
เมื่อตัดสินใจได้ ร่างเล็กจึงเดินไปหยิบผ้าห่มสำรองจากตู้เสื้อผ้า ก่อนเดินไปหย่อนตัวลงนั่งบนโซฟาตัวใหญ่บริเวณด้านข้างเตียงนอน จัดแจงตบหมอนเบาๆ  คลี่ผ้าห่มคลุมตัว ก่อนล้มตัวลงนอน แล้วหลับตาลงเตรียมเข้าสู่นิทรารมณ์
ทว่าเปลือกตาที่ปิดสนิทต้องเปิดโพลงด้วยความตกใจ เมื่อได้ยินน้ำเสียงดังกระชากวิญญาณลอยมากระแทกโสตประสาทของเธอในความมืด
ก็บอกให้มานอนบนเตียงไงเล่า ฉันไม่ทำอะไรเธอหรอก เขาย้ำชัด ออกอาการขัดอกขัดใจขึ้นมาอีกครั้ง มือหนาตบป๊าบๆ ลงบนเตียง
แม่นี่รังเกียจเขาหรือว่าอะไรกันแน่ อิศม์เดชคิดไม่ตก
เชื่อก็โง่แล้ว เธอแอบพึมพำในความมืด ก่อนร้องบอกเขา ไม่เอาดีกว่าค่ะ ขอมุกนอนตรงนี้นะคะ ปลอดภัยกว่ากันเยอะ คำในตอนท้ายเธอเอ่ยอยู่ในใจเท่านั้น เพราะไม่รู้ว่ายักษ์กับมารจะมาเข้าสิงเขาอีกเมื่อไหร่
มุกตาภา!” เสียงทุ้มทรงอำนาจเหลือคณา เธอจะขึ้นมานอนบนเตียงดีๆ หรือว่าจะให้ฉันทำโทษเธอแบบวันนั้นก่อน หา คนถือไพ่เหนือกว่าขู่เสียงเข้ม ยกตัวขึ้นมานอนเท้าแขน แล้วจ้องมายังร่างเล็กที่นอนแข็งทื่อกับคำขู่ของเขา
ทว่าคำขู่ที่เขาพูดออกไป กลับทำให้เขาพลุ่งพล่านขึ้นมาได้อย่างง่ายๆ เพียงแค่ได้คิดถึงฤทธิ์เสน่หาจากรสจุมพิตที่เขาได้ลองลิ้มไปเพียงครั้งเดียวเท่านั้น
นับหนึ่งถึงสาม ถ้ายังไม่มานอนบนเตียง ก็อย่าหาว่าฉันไม่เตือนนะ อิศม์เดชขู่สำทับ
คนบ้าอำนาจ มุกตาภาต่อว่าในใจ แต่ก็ลุกขึ้นนั่ง พร้อมจะทำอย่างที่เขาขู่ไว้ เพราะขลาดกลัวจูบลงทัณฑ์ของเขายิ่งกว่าสิ่งใดทั้งหมด
หนึ่ง...สาม อิศม์เดชนับได้สองคำ ก็เหวี่ยงตัวลงจากเตียงเดินตรงไปยังโซฟาทันที
คุณเอิร์ธขี้โกง ไหนบอกว่าจะนับถึงสามไงล่ะคะ สองหายไปไหน คนที่ตั้งใจจะวิ่งไปยังเตียงนอนของเขาเมื่อเขานับถึงสองโวยวายลั่น ดวงตากลมโตเบิกโพลงอยู่ในความมืดเมื่อเห็นร่างใหญ่เดินเข้ามาใกล้ๆ ตัว
ฉันนับสองในใจแล้ว เขาบอกอย่างเจ้าเล่ห์ แล้วเดินมาตวัดร่างเล็กขึ้นแนบอก ก่อนเดินดุ่มๆ กลับไปยังเตียงใหญ่
ว้าย คุณเอิร์ธ จะทำอะไร ปล่อยมุกนะ ขี้โกงที่สุด
หญิงสาวหวีดร้องด้วยความตกใจสุดขีด พลางดิ้นให้หลุดพ้นจากวงแขนใหญ่ร้อนปร่าของเขา มือน้อยก็ทุบไปที่อกอย่างหมั่นไส้คนเจ้าเล่ห์
อย่าสะดีดสะดิ้งนักเลย ฉันบอกว่าไม่ทำอะไรก็ไม่ทำสิ
เขาย้ำเสียงเหี้ยม ทั้งยังสรรหาถ้อยคำที่บาดใจคนฟังอีกด้วย พลางวางร่างเล็กลงบนเตียงอย่างไม่เบามือนัก ก่อนจะเดินไปล้มตัวลงนอนบนเตียงอีกฝั่งหนึ่ง ราวกับไม่แยแสสนใจกับการมีร่างเล็กนอนร่วมเตียงอยู่ด้วย
ทว่าไม่ใช่เลยสักนิด เขากำลังควบคุมอารมณ์ของเขาเอาไว้อย่างสุดความสามารถต่างหาก...
และการเดินไปอุ้มหญิงสาวมา เป็นการหาเรื่องใส่ตัว จุดไฟเผาตัวเองให้ตายทั้งเป็นชัดๆ...
กลิ่นสาวหอมกรุ่นและเนื้อนวลแสนนุ่มนิ่มยามร่างเล็กตกอยู่ในวงแขน กำลังทำให้อุณหภูมิในตัวกายหนุ่มเดือดพล่านในแบบที่ไม่เคยเกิดกับใครมาก่อน และเขาต้องทำให้มันลดลงให้เร็วที่สุด ด้วยการนอนหันหลัง หายใจลึกๆ แล้วข่มตาให้หลับไปโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้...
ใช่ว่า เขาอยากจะนอนร่วมเตียงกับสาวอันตรายนัก แต่เพราะเขามั่นใจว่ามารดาคงไม่รอดูพฤติกรรมของพวกเขาอยู่ตรงหน้าห้องอย่างเดียวเป็นแน่ เผลอๆ อาจจะเปิดประตูเข้ามาสำรวจในห้องตอนเช้าด้วยซ้ำ ว่าบุตรชายและลูกสะใภ้ของท่านนอนเตียงเดียวกันจริงหรือเปล่า เพราะฉะนั้นทุกอย่างต้องสมจริงสมจัง...
มุกตาภาหน้าบึ้ง นั่งนิ่งไม่กระดิกกระเดี้ยวตัวบนเตียงใหญ่อยู่ครู่ใหญ่ เมื่อเห็นว่าร่างใหญ่หันหลัง แล้วนอนหลับไปโดยไม่สนใจเธออีกต่อไป จึงถอนหายใจอย่างโล่งอก คว้าหมอนข้างมากั้นไว้ตรงกลาง แล้วล้มตัวลงนอน คว้าผ้าห่มคลุมตัวจนมิดร่างเล็ก ก่อนหันหลังให้เขาเช่นกัน และหวังว่าจะไม่มีการข้ามเขตหมอนข้างกันขึ้นมา
หญิงสาวนอนฟังเสียงหัวใจที่เต้นระทึกของตัวเองอยู่สักพัก เมื่อเห็นว่าเขายังนอนนิ่งเฉย ไม่สนใจ ไม่ทำอะไรเธออย่างที่เขาว่าไว้จริงๆ มุกตาภาจึงค่อยวางใจ จังหวะการเต้นของหัวใจปรับลดลงสู่ภาวะปกติ เปลือกตากลมโตหนักอึ้งจึงปิดลง แล้วหลับสนิทไปอย่างง่ายดาย...
นัยน์ตาคมกริบเปิดโพลงขึ้นในความมืด เมื่อเจ้าของได้ยินเสียงลมหายใจอันสม่ำเสมอของคนร่วมเตียง ร่างใหญ่ที่นอนตะแคงข้างอยู่ค่อยๆ ขยับตัวนอนราบลงกับที่นอน ดวงตาคมกริบที่จ้องมองเพดานห้องอยู่ฉายแววกลัดกลุ้ม หนักอกหนักใจ... และอึดอัดไปทั้งเนื้อทั้งตัว...
ร่างใหญ่พลิกตัวอีกครั้ง แต่เป็นพลิกมาทางเดียวกับที่ร่างเล็กนอนหลับปุ๋ยอยู่ เรียวแขนกลมกลึงขาวผ่องที่โผล่พ้นผ้าห่มออกมาโชว์สายคมและเรือนผมยาวสลวยที่ส่งกลิ่นหอมกรุ่นมาแตะจมูกโด่งของเขาก็พาลทำให้เลือดในกายหนุ่มเดือดพลุ่งพล่านจนเขาแทบจะแตกออกมาเป็นเสี่ยงๆ
โอ อิศม์เดชครางในลำคออย่างเจ็บปวดทรมานทั้งทางร่างกายและจิตใจ
เขาไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมถึงได้มีความต้องการผู้หญิงมากรักคนนี้มากมายเช่นนี้ หรือเขาจะกลายเป็นพวกเกลียดตัวกินไข่ เกลียดปลาไหลกินน้ำแกงอย่างที่หญิงสาวว่าเอาไว้จริงๆ
คนสับสนสะบัดศีรษะอย่างต้องการขับไล่ความรู้สึกทั้งหมดทั้งมวลทิ้ง และได้แต่หวังว่าช่วงเวลาที่สุดแสนทรมานนี้จะผ่านพ้นไปโดยเร็ว  เขาไม่รู้ว่ามารดาจะอยู่เฝ้าจับผิดเขาไปอีกนานแค่ไหน ขออย่าให้นาน เพราะเขาชักเริ่มกลัวใจตัวเองเหลือเกิน...
กลัวว่าจะมีเรื่องไม่ดีไม่งาม และเขาต้องเสียใจกับการกระทำนั้นๆ นั่นเอง....

ส่วนคนที่ยืนแอบฟังอยู่หน้าประตูห้องนั้น ยิ้มกริ่มอย่างมีความสุข ความปลาบปลื้มเอ่อท่วมท้นหัวใจคนแก่ เพราะลูกชายและลูกสะใภ้มีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่ท่านนึกกังวล คุณหญิงอรวราอุตส่าห์วางแผนเดินทางมาที่นี่แบบไม่บอกบุตรชายล่วงหน้า เพื่อที่ท่านจะได้เห็นกับตาว่าทั้งคู่อยู่กินกันอย่างคู่สามีภรรยาจริงๆ หรือไม่
และเมื่อได้มาเห็น ท่านก็โล่งอกโล่งใจไปเปราะนึง ที่เหลือก็คงทำให้สองคนนี้รักกันจริงๆ แล้วหลานตัวน้อยๆ อีกสักคนสองคนก็คงไม่ใช่สิ่งที่ท่านหวังไกลจนเกินเอื้อม...
แต่เหนืออื่นใด หัวอกคนเป็นแม่อย่างท่านก็แค่อยากเห็นบุตรชายกลับมาเป็น คนเดิมและมีความสุขกับความรักที่กำลังจะเกิดขึ้นครั้งใหม่นี้เสียที
คุณหญิงอรวราเงี่ยหูฟังอยู่สักพัก ก่อนจะรู้สึกไม่สบอารมณ์อยู่ในที เพราะแอบฟังอยู่ตั้งนานสองนานจนขาเมื่อยขบ แต่ท่านก็ได้ยินเพียงแค่เสียงวี้ดว้ายของลูกสะใภ้ออกมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ได้มีเสียงอย่างอื่นเล็ดลอดตามออกมา ราวกับว่าสองคนนี้กำลังเล่นอะไรสักอย่างกันอยู่...
โธ่ ตาเอิร์ธเอ้ย อย่ามัวแต่เล่นสิ แม่อยากอุ้มหลานไวไว คุณหญิงอรวราบ่น พลางเดินกลับไปยังนอนของตัวเอง

เสียงไก่ขันผสมผสานกับเสียงนกเขาซึ่งคนงานเลี้ยงไว้ปลุกให้มุกตาภาลืมตาตื่นรับเช้าวันใหม่ด้วยความรู้สึกอบอุ่นไปทั้งตัวและหัวใจ รู้สึกราวกับว่าตัวเองจะไม่มีวันตกอยู่ในภัยอันตรายใดๆ หากได้อยู่ภายใต้อ้อมกอดแสนปลอดภัยนี้
นั่นเพราะร่างเล็กโดนสามีในนามโอบกอดเอาไว้ทั้งตัว ใบหน้างามแดงซ่านที่แนบชิดอยู่บนแผงอกบึกบึนส่งผลให้แก้มมุกตาภาร้อนผ่าวๆ ลามเลียไปทั่วทั้งร่าง
ผ่านไปสองอาทิตย์แล้ว ที่เธอย้ายมานอนห้องเดียวกับอิศม์เดช และเช้านี้ก็เป็นอีกเช้านึงที่เธอลืมตาตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดร้อนระอุของเขา ทั้งๆ ที่มีหมอนข้างกั้นระหว่างกลางเสียดิบดีก่อนนอนทุกคืน แต่ทำไปทำมา มันหายไปไหนในช่วงกลางคืน มุกตาภาก็หาคำตอบให้กับตัวเองไม่ได้...
หญิงสาวยังจำเช้าวันแรกของการย้ายมานอนห้องของสามีได้ดี ใบหน้าคมคล้ามของเขาเป็นสิ่งแรกที่เธอเห็นเมื่อลืมตาตื่นขึ้นมา เพราะหน้าผากของทั้งคู่ชนกันอยู่บนหมอนใบเดียวกัน นั่นคือหมอนของเขา นั่นหมายความว่าเธอเป็นฝ่ายล้ำเขตแดนของหมอนข้างที่หายไปไหนก็ไม่รู้...
มุกตาภาตกใจตัวแข็งทื่อ กลั้นหายใจสุดความสามารถ ก่อนจะค่อยๆ ถอยใบหน้านวลแดงปลั่งให้ห่างออกมา ทว่าเจ้าของหมอนก็ดันลืมตาตื่นขึ้นมาพอดี ต่างฝ่ายก็ต่างตกใจ ตาประสานตาแน่นิ่งอยู่เป็นนาน ก่อนที่ทั้งคู่จะรู้สึกตัว พร้อมกับดีดตัวหนีห่างกันราวกับเป็นแม่เหล็กขั้วเดียวกัน ซึ่งกำลังออกแรงผลักกันอย่างสุดขั้วไม่มีผิด
จากนั้นต่างคนก็ต่างแยกย้ายไปทำธุระส่วนตัวของตัวเองอย่างรวดเร็วด้วยใบหน้าที่ขึ้นสีระเรื่อของทั้งคู่
ในค่ำคืนต่อๆ มา เขาไม่จำเป็นต้องใช้คำขู่อันเหี้ยมเกรียมให้เธอนอนร่วมเตียงอีกต่อไป ก็ในเมื่อไม่มีอะไรเกินเลยเกิดขึ้นระหว่างพวกเขา และเขาก็คอยย้ำให้เธอฟังมาตลอดว่า...
...ฉันไม่ทำอะไรเธอหรอก...
มุกตาภาจึงเริ่มไว้วางใจ และไม่กลัวการนอนร่วมเตียงกับสามีหน้าเหี้ยมอีกต่อไป รวมทั้งคุ้นเคยกับการต้องตกอยู่ในวงแขนแสนอบอุ่นของเขาเหมือนอย่างเช่นในตอนนี้ด้วย ทั้งๆ ที่เมื่อตอนหัวค่ำ เธอนอนห่างจากเขาเป็นวา แต่ไหงทั้งเธอและเขากลับลงเอยด้วยการนอนกอดกันอย่างแนบแน่นในช่วงย่ำรุ่งของทุกวันเยี่ยงนี้ได้ เธอก็ฉงนงงงวย...
ดวงตากลมโตช้อนขึ้นมองคนที่ยังหลับสนิท ร่างเล็กขยับเพียงนิด เพียงพอให้เห็นนาฬิกาที่แขวนไว้บนผนังห้อง ซึ่งบอกเวลาแปดโมงเช้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และมันก็หมายความว่าสายอีกแล้ว...
คะ คุณเอิร์ธคะ ตื่นเถอะค่ะ สายแล้ว
ปกตินายเหมืองหนุ่มตื่นแต่เช้า ก่อนไก่ขันอย่างที่เมืองแมนบอกเธอไว้ แต่ช่วงนี้เขาต้องให้เธอปลุกแบบนี้แทบทุกวัน...
คนโดนปลุกทำเสียงอืออาอย่างรำคาญอยู่ในลำคอ พลางกระชับร่างเล็กแน่นขึ้น ก่อนงัวเงียพูดทั้งๆ ที่เปลือกตาคมยังปิดสนิท
ฮื่อ อย่าทำเสียงดังสิ ยังเช้าอยู่เลย
ตั้งแต่มีมุกตาภามานอนร่วมเตียงด้วย นายเหมืองหนุ่มผู้ขยันกว่าลูกน้อง กลายสถานะเป็นเจ้าของธุรกิจที่ไม่จำเป็นต้องไปทำงานก่อนลูกจ้างไปทันที อิศม์เดชตื่นสายกว่าปกติทุกวัน นั่นเป็นเพราะเขาไม่อยากจากร่างนุ่มนิ่มในวงแขนไปไหนนั่นเอง
ถึงจะทรมานอึดอัดไปทั้งกาย แต่เขาก็ติดและรักการมีร่างนิ่มๆ อยู่ในวงแขนแบบนี้อย่างที่สุด...
เช้าที่ไหนล่ะคะ แปดโมงเช้าแล้วนะคะ เธอเถียง จริงๆ เธอก็ต้องเถียงเขาแบบนี้อยู่ทุกวัน
ขอนอนต่ออีกแป็บนึง เมื่อคืนฉันนอนดึก เธอก็รู้
นายเหมืองหนุ่มขี้เซาอ้างโดยยังไม่ยอมลืมตาขึ้นมา ทว่ากลับสูดดมกลิ่นผมหอมของเธอไปเสียเต็มปอด
เมื่อคืนกว่าเขาจะกลับมาจากโรงโม่หินก็เกือบจะเที่ยงคืนแล้ว เพราะช่วงนี้เศรษฐกิจดีและมีออร์เดอร์เข้ามามาก จนคนงานแทบต้องตักหินใส่รถบรรทุก เพื่อขนไปยังโรงโม่หิน แล้วทำการโม่หินกันทั้งคืนเลยก็ว่าได้ แล้วกว่าเขาจะเคลียร์งานในห้องทำงานเสร็จ ก็ปาไปตีหนึ่งแล้ว
แต่ที่แปลกคือ เขาไม่เคยนอนตื่นสายแบบนี้ ต่อให้นอนดึกหรือนอนเช้าสักแค่ไหน ก็จะตื่นแต่ไก่โห่ทุกวัน หมอนข้างดิ้นได้แสนนุ่มนิ่มมาทำให้ตารางการทำงานของเขารวนไปหมด...
นี่แค่ได้กอด แล้วถ้าเขาได้ทำอะไรมากกว่านี้กับหมอนข้างแสนนุ่มนิ่มใบนี้ เขาไม่ต้องแช่ตัวอยู่แต่บนเตียงหรือ แค่คิด ร่างใหญ่ก็ร้อนรุ่มไปหมด...  
งั้นให้มุกลุกขึ้นก่อนนะคะ จะได้ไปดูแลคุณแม่
เธอขอ พลางเบี่ยงตัวออกมาจากแผ่นอกกว้าง ทว่ากลับโดนกอดไว้แน่นยิ่งขึ้น จนกระดิกตัวไม่ได้ ร่างเล็กแนบชิดไปร่างใหญ่ทุกสัดส่วน และเธอหมายความอย่างนั้นจริงๆ เพราะตอนนี้เธอรู้สึกถึงบางสิ่งบางอย่างที่ผิดรูปผิดร่างอยู่ด้านล่างด้วย
มุกตาภาหน้าแดงจนลามไปถึงใบหูเล็กๆ และอาจจะแดงไปทั้งตัวก็ได้ ทำไมเธอจะไม่รู้ว่ามันคืออะไร เพราะสัมผัสถึงมันอยู่ทุกวัน ยามต้องตกอยู่ในอ้อมกอดของเขาแบบนี้  
ไม่ต้องหรอก คุณแม่คงจะเตรียมตัวออกไปไหว้พระที่วัดพระธาตุแล้ว
อิศม์เดชบอกไปตามที่ได้คุยกับมารดาไว้ว่าท่านจะไปเยี่ยมชมวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหารซึ่งเป็นวัดสำคัญคู่บ้านคู่เมืองนคร และตั้งแต่ท่านมาอยู่ที่นี่ก็เดินสายเยี่ยมชม ทำบุญตามวัดต่างๆ อย่างมีความสุขตามประสาคนแก่ ซึ่งเป็นอีกเหตุผลสำคัญที่ทำให้ท่านอยู่ควบคุมความประพฤติทั้งคู่ได้นานนั่นเอง
ก็นั่นแหละคะ มุกจะไปไหว้พระกับคุณแม่ ปล่อยมุกเถอะนะคะ ร่างเล็กดิ้นแรงขึ้น แล้วมันก็ยิ่งทำให้คนที่ทนนอนเฉยอยู่นานต้องขยับตัวซ่อนความร้อนรุ่มที่เริ่มจะไม่อยู่สุขอยู่กับที่อีกต่อไป
เธอลุกไปแล้วฉันจะกอดอะไรล่ะ เขากัดฟันถาม ใจนึงก็อยากผลักร่างน้อยไปให้ไกล อีกใจนึงก็อยากกอดไว้ไม่ปล่อยไม่พอ ยังอยากทำอย่างอื่นที่คิดอยากจะทำมากว่าสองอาทิตย์แล้ว
แต่เขาต้องทน... ต้องทนให้ได้มากกว่านี้... และต้องทนตลอดไป...
อิศม์เดชยังจำวันแรกของการนอนร่วมเตียงกับภรรยาคนสวยได้เช่นกัน
ทรมานทั้งคืน คงเป็นคำที่ดีที่สุดในการบรรยายความรู้สึกของเขาได้ ทว่าในคืนต่อๆ มา มันกลับกลายเป็นความเคยชินที่เขาจะต้องมีร่างนิ่มๆ และกลิ่นหอมๆ มานอนเคียงข้าง แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเลิกทรมานแล้ว เพียงแต่เขาควบคุมมันได้ดีขึ้นก็เท่านั้น หลังจากต้องวิ่งรอกเข้าห้องน้ำยามดึกๆ เป็นว่าเล่น...ในช่วงแรกๆ
หมอนข้างไงคะ เธอตอบ ก่อนทำคิ้วยุ่ง หมอนข้างหายไปไหนแล้วคะ
อยู่ใต้เตียงมั้ง เขาตอบอย่างไม่แยแส
ทำไมไปอยู่ใต้เตียงได้ล่ะคะ
ฉันโยนมันทิ้งเอง เกะกะ แล้วไม่ต้องเอาขึ้นมาวางอีกนะ ขี้เกียจขว้างทิ้ง เขาเองก็ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นเมื่อไหร่ มารู้ตัวอีกทีก็เขวี้ยงหมอนข้างไร้ชีวิตทิ้ง แล้วเข้าประชิดร่างนุ่มนิ่มนี้แทน ราวกับโดนมนต์สะกด
นี่ไง เธอรู้แล้ว ว่าหมอนข้างกั้นแดนนั้นหายไปได้ยังไง
มุกตาภาหัวเราะคิกคักกับการได้พูดคุยอย่างเป็นกันเองกับสามีตัวเอง ไม่ต้องทนฟังเขาตะคอกขึ้นเสียงให้ใบหูเล็กของเธอสะเทือน เมื่อรู้สึกสบายใจ มือน้อยที่วางพาดบนเอวสอบของเขาก็เริ่มซุกซน ยกขึ้นลูบไล้ไปบนแผงอกบึกบึน โดยไม่รู้ว่ามันเป็นการให้โทษแก่ท่าน และโทษนั้นกำลังจะถึงตัว...
อยู่นิ่งๆ เลยนะ ถ้ายังอยากจะลุกขึ้นจากเตียง คนกำลังสูญเสียความควบคุมขู่เสียงแหบพร่า
พร้อมกันนั้น มือหนาก็ตะปบมือซุกซนของหญิงสาวเอาไว้ แล้วไม่รู้อะไรมาดลใจให้อิศม์เดชยกมือน้อยนั่นขึ้นมาจุมพิตอย่างอ่อนโยน เจ้าของมือน้อยนิ่งงัน ก่อนเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าคมคายซึ่งกำลังมองต่ำลงมาด้วย
เหมือนโดนร่ายมนต์ใส่ คือความรู้สึกของทั้งคู่ยามนี้ ทุกอย่างแน่นิ่งตะลึงงัน ไม่ได้ยินเสียงใดๆ ยกเว้นเสียงหัวใจที่ผสานกันเต้นระรัวของทั้งคู่
แล้วในระหว่างที่สายตาสองคู่ประสานกันด้วยเส้นใยบางอย่างที่เริ่มถักทอขึ้นมา ใบหน้าคมก็ค่อยๆ โน้มลงมาใกล้ใบหน้างามจนเธอรู้สึกถึงลมร้อนๆ ที่เป่ารดแก้มกัน ทว่าก่อนที่เรียวปากได้รูปของคนห้ามตัวเองไม่อยู่จะแตะเข้ากับกลีบปากอิ่มช่างยั่วยวน เจ้าของความงามเกินห้ามใจก็รู้สึกตัวขึ้นมาก่อน
อะ อย่านะ
ใบหน้างามเบี่ยงหลบไปไม่พอ มือน้อยยังยกขึ้นยันหน้าคมให้ห่างไปอีกด้วย แล้วมุกตาภาก็อาศัยช่วงจังหวะที่ร่างใหญ่เสียหลัก ดิ้นให้หลุดจากอ้อมกอดของเขา แล้ววิ่งหนีเข้าไปในห้องน้ำทันที
ร่างเล็กยืนพิงประตูห้องน้ำที่เพิ่งโดนปิดลงดังโครม มือน้อยยกขึ้นจับตรงหัวใจที่มันเหมือนจะกระเด็นออกมาเต้นโครมครามอยู่นอกทรวงอก
คนบ้า ให้กอด แล้วยังจะมาขโมยจูบอีกหรือ ไม่ให้หรอก... มุกตาภาหมายมาดด้วยเลือดฝาดที่ขึ้นเต็มใบหน้า ก่อนเดินเข้าไปจัดการธุระส่วนตัวของตัวเอง ด้วยหัวใจที่เต้นระส่ำด้วยความสุขโดยที่เจ้าตัวก็ไม่ได้รู้ตัวว่า สุขที่ได้อยู่ใกล้ๆ เขา
ส่วนคนโดนยันหน้าก็นอนหงายล้มตึงกับเตียงอย่างหมดสภาพ เกือบไปแล้วไหมล่ะ ถ้าหญิงสาวไม่ยั้งเขาเอาไว้ อิศม์เดชไม่กล้าคิดว่ามันจะลงเอยไปในรูปแบบไหน...
นายเหมืองหนุ่มคลี่ยิ้มยามยกตัวขึ้นมองร่างเล็กที่วิ่งปรู๊ดหายเข้าไปในห้องน้ำ พร้อมกับต้องส่ายศีรษะอย่างไม่เข้าใจความรู้สึกของตัวเองสักนิด ดวงตาคมกริบหันไปมองนาฬิกา แล้วต้องผ่อนลมอย่างแรงอย่างหนักใจ
โดนไอ้แมนล้ออีกแน่...

เป็นไงเมื่อคืนหนักล่ะสิ
นั่นเป็นคำทักทายของหัวหน้าคนงานที่กวนประสาทเจ้านายหนุ่มยิ่งนัก แล้วมันผิดไปจากที่อิศม์เดชคิดไว้เสียที่ไหน เพราะตั้งแต่ได้นอนห้องเดียวกับภรรยา และนอนตื่นสาย เขาก็โดนไอ้เพื่อนลูกน้องคนนี้ล้อได้ทุกวี่ทุกวัน
เออหนัก เลยลุกไม่ขึ้นจนป่านนี้
คนที่ขี้คร้านจะปฏิเสธให้เสียน้ำลายเลยยอมรับเสียง่ายๆ กี่ครั้ง กี่หนที่เขาบอกเพื่อนไปว่า ยังไม่มีอะไรลึกซึ้งระหว่างเขาและภรรยา แต่ดูเหมือนว่าเมืองแมนจะไม่ยอมฟัง แต่เชื่อหรือเปล่าเขาไม่แน่ใจ...
อย่างนี้ก็จะมีข่าวดีเร็วๆ นี่สิ
เมืองแมนยังไม่เลิกรุก ทั้งๆ ที่เขาก็มั่นใจว่ายังไม่มีอะไรเกินเลยระหว่างทั้งคู่ แต่มันต้องเกิดขึ้นสักวัน ขนาดน้ำหยดลงบนหิน หินมันยังกร่อน แล้วหัวใจนายเหมืองที่ไม่ได้แข่งเหมือนหินสักนิด จะไม่อ่อนลงบ้างให้มันรู้ไป
ข่าวดีอะไรของนาย อิศม์เดชที่กำลังเช็คน้ำมันเครื่องยนต์ของรถเจาะหินอยู่เงยหน้าขึ้นมาถามเสียงขุ่น
ก็นายเหมืองตัวน้อยๆ ไง
ไม่มีโว้ย ฉันไม่ชอบเด็ก นายเหมืองตัวใหญ่ตอบทันควัน ด้วยน้ำเสียงเหี้ยมเกรียมจนในแบบที่เมืองแมนไม่กล้าต่อความอีก และเจ้าตัวก็รู้ตัวว่าแสดงอาการผิดปกติออกไป จึงรีบปรับสีหน้าเคร่งเครียดของตัวเอง และเปลี่ยนน้ำเสียงเป็นพูดเล่นแทน
แต่จะมีข่าวดีที่สุดในรอบปีอย่างอื่น เพราะฉันจะเปลี่ยนหัวหน้าคนงานใหม่ ไปทำงานได้แล้วโว้ย ว่างนักหรือไง อิศม์เดชไล่เสียงดัง
เออไปก็ได้วะ ทีตัวเองอู้มาทำงานสาย ไม่เห็นเป็นไร เมืองแมนยอมถอยทัพไปแต่ดีๆ แต่ไม่วายเย้าคนตื่นสายทิ้งท้าย
ไอ้แมนหาเรื่องโดนลูกถีบกู
อิศม์เดชตะโกนก้อง ก่อนวิ่งไล่เตะเมืองแมนที่วิ่งหนีไปหลบอยู่อีกฝั่งนึงของรถเจาะนั่นทันที ท่าทีราวกับเด็กๆ ของสองเจ้านายหนุ่มก็นำพาเสียงหัวเราะให้คนงานที่อยู่บริเวณนั้นได้คลายเครียดกับงานหนักกลางแดดกลางลมเยี่ยงนี้
เมื่อวิ่งไล่เตะกันจนเหนื่อย เด็กโข่งทั้งสองต่างก็แยกย้ายไปทำงานของตนที่ยังคั่งค้างอยู่ หากทำงานกันไปได้สักพัก อิศม์เดชก็นึกถึงงานเลี้ยงแต่งงานของเขาได้ จึงตะโกนถามเมืองแมนที่นั่งอยู่ห่างออกไป
เฮ้ย แมน ช่วงนี้นายมีเดทกับมะนาวทุกวันหรือเปล่าวะ ฉันมีเรื่องรบกวนนายหน่อย
นายเหมืองหนุ่มได้ทีเอาคืนเพื่อนรักบ้าง มาล้อเขาไม่หยุด เขาก็ล้อกลับบ้างจะเป็นไรไป
ส่วนคนโดนล้อก็ต้องปาดเหงื่อชนิดอื่นที่ผุดมาตรงไรผม และเขามั่นใจว่าไม่ใช่เหงื่อจากการทำงานหนักกลางแจ้งขณะนี้แน่
แม่จอมยุ่ง ก็ยุ่งสมชื่อจริงๆ เพราะหญิงสาวมาทำให้ชีวิตประจำวันของรวนไปหมด เหมือนของนายเหมืองไม่มีผิด
ไอ้บ้า เสียงเมืองแมนดังกว่าปกติมาก หน้าก็แดง ก่อนเสเปลี่ยนเรื่องทันควัน ว่าไง มีไรให้ฉันช่วย
อิศม์เดชยิ้มกับท่าทีเพื่อนรัก ก่อนเอ่ยปากสิ่งที่อยู่ในใจ
ฉันจะจัดงานเลี้ยงฉลองแต่งงาน นายจัดการให้ฉันทีสิ คำขอสั้นๆ ที่ไม่ต้องอธิบายอะไรมาก ก็ทำให้เพื่อนรักตอบรับอย่างคนรู้จักรู้ใจกันมานานแล้ว
ได้อยู่แล้ว จัดให้ตามคำขอครับเจ้านาย ทั้งอาหารการกิน เหล้ายาปลาปิ้ง หนังตะลุงโนราห์ จะหามาให้ครบ โอเคมั้ย

 “ดีๆ แม่เห็นด้วย
ถ้อยคำสั้นๆ ของคุณหญิงอรวราเอ่ยออกมาอย่างปลาบปลื้ม ยามได้ยินคำของบุตรชายถึงการจัดงานเลี้ยงฉลองงานแต่งงานที่นี่ ขณะที่ทั้งหมดนั่งรับประทานอาหารเย็นร่วมกันในตอนค่ำวันนั้น
แล้วจะจัดวันไหนล่ะ แม่จัดการให้เอง เดี๋ยวแม่ไปเชิญท่านผู้ว่าให้ ท่านถามอย่างกระตือรือร้น
ไม่ต้องหรอกครับคุณแม่ ผมให้เมืองแมนเตรียมทุกอย่างแล้วครับ เพราะผมตั้งใจจะจัดเลี้ยงเล็กๆ ให้คนงานได้สังสรรค์กัน และก็จะชวนชาวบ้านแถบๆ นี้มากินเลี้ยงกันน่ะครับ และจะจัดวันเสาร์หน้านี้ครับ
น้ำเสียงของบุตรชายยามพูดจากับมารดานั้นทุ้มนุ่มเสนาะหูจนคนฟังอย่างมุกตาภาต้องแอบยิ้มขึ้นมา
จะดีหรือลูก จัดเล็กๆ หนูมุกได้อายคนแย่ คุณหญิงแย้ง
มะ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ คุณแม่ เล็กๆ ก็ได้ มุกไม่รู้จักใครที่นี่อยู่แล้ว มุกตาภาออกตัวทันที
แต่มุกเป็นนายหญิงของเหมืองนี่นะ อีกหน่อยก็ต้องช่วยพี่เขาคุมคนงาน ติดต่องานอะไรอีก ประกาศให้ทั้งจังหวัดรู้ จะดีกว่าไหม
คำของผู้ใหญ่ก็เรียกสีเลือดฝาดบนใบหน้าคนฟังด้วย เธอยังไม่แน่ใจเลยว่าจะอยู่เป็นผักชีให้สามีโรยอยู่ต่อหน้ามารดาไปอีกนานเท่าใด เพราะฉะนั้นไม่จำเป็นต้องจัดให้เอิกเกริกเลยสักนิด
งั้นก็ตามใจคุณแม่กับคุณเอิร์ธก็แล้วกันค่ะ มุกยังไงก็ได้ แต่คนไม่เรื่องมากอย่างมุกตาภาก็ได้แต่ตามใจทั้งสอง
เอ๊ะ หนูมุก แม่บอกกี่ครั้งแล้วให้เรียกพี่ เป็นผัวเป็นเมียกันแล้วยังจะมีเรียกคุณอะไรกันอีก คุณหญิงอรวราตำหนิแบบไม่จริงจังนัก ก่อนหันมาคุยกับบุตรชายอย่างเป็นการเป็นงานอีกครั้ง
ตามใจเอิร์ธละกัน จะจัดเล็กจัดใหญ่ แค่ลูกทั้งสองของแม่อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขและมีหลานให้แม่อุ้มไวไว แม่ก็ดีใจแล้วล่ะ
คุณหญิงทิ้งท้ายไว้ให้คนฟังอย่างมุกตาภาหน้าแดง ก่อนลุกขึ้นยืน เตรียมตัวเดินขึ้นไปห้องนอน ทว่าคำของบุตรชายที่มีสีหน้าตึงเครีดขึ้นกะทันหันก็ทำให้ท่านต้องหย่อนกายลงนั่งอย่างเหนื่อยใจอีกครั้ง
ผมไม่ชอบเด็กครับ และไม่คิดจะมีลูกเป็นของตัวเองอีกเป็นอันขาด
น้ำเสียงที่เคยทุ้มนุ่มเปลี่ยนเป็นแข็งกระด้างทันควัน นัยน์ตาคมวาวโรจน์ ทว่าฉายแววเจ็บปวดจนคนเป็นแม่สะอื้นในอก เพราะรู้ว่ามันคือบาดแผลลึกในใจบุตรชาย...
โธ่ เอิร์ธลูกแม่ เรื่องมันก็นานมาแล้ว อย่าไปนึกถึงมันเลยนะ คนเป็นแม่เตือนสติเสียงเครือ
ผมขอตัวนะครับ ยังมีงานต้องเคลียร์อีกเยอะ คนโดนสะกิดแผลในใจลาห้วนๆ แล้วลุกหนีไปจากโต๊ะอาหารทันที
ส่วนคนนอกครอบครัวอย่างมุกตาภาก็ได้แต่มองทั้งสองราวกับไก่ตาแตก แต่อย่างน้อยๆ สิ่งที่เธอจะจำได้ไปอีกนานคือ ท่าทีของเขาต้องคำว่า ลูกนั่นเอง แต่ไม่เห็นเขาจะต้องเป็นห่วงอะไรไปเลย ก็ในเมื่อพวกเขาแต่งงานกันแค่ในนามเท่านั้น...

อารมณ์ของอิศม์เดชกลับมาอยู่ในสภาวะปกติแล้ว หลังจากไปนั่งสงบสติอารมณ์ในห้องทำงานอยู่เป็นนาน เขาจะพยายามไม่คิดถึงอดีตอย่างที่มารดาขอไว้ แต่จะให้ตัดใจได้เลยทันที คงจะเป็นเรื่องยากสำหรับเขา เพราะขนาดว่าเวลาล่วงเลยไปกว่าห้าปีแล้ว ความทรงจำอันเลวร้ายยังฝังแน่นล้ำลึก...
และเขาไม่เคยคิดมีบุตรกับหญิงใดๆ อีก เพราะกลัวการโดนหอบลูกหนีไปนั่นเอง
อิศม์เดชทอดสายตามองร่างเล็กที่ขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม ก่อนคลี่ยิ้มออกมาโดยที่เขาไม่รู้ตัว  อดนึกย้อนไปถึงวันแรกที่หญิงสาวย้ายมานอนที่นี่ไม่ได้ แม่คุณเล่นตัวอยู่นานกว่าจะขึ้นมานอนอยู่บนเตียงกับเขาได้ แล้วดูวันนี้สิ หลับปุ๋ย ไม่รู้เรื่องรู้ราว ขนาดว่าเขาขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวด้วยเสียงที่ไม่เบานัก หญิงสาวก็ยังไม่รู้สึกตัว
ยายขี้เซา ถ้าโจรขึ้นมายกเค้า แล้วเธอจะยังหลับอยู่อย่างนี้หรือเปล่า
ร่างใหญ่สอดตัวเข้าใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน โดยไม่มีหมอนข้างมาขวางระหว่างทั้งคู่ให้เปลืองพื้นที่เตียงนอนอีกต่อไป  เพราะร่างเล็กจะเบียดมาซุกตัวอยู่กับร่างใหญ่บึกบึนของเขาทุกเช้า และความนุ่มนิ่มหอมกรุ่นรัญจวนใจที่ได้รับ นอกจากจะทำให้เขาไม่อยากตื่นขึ้นมาในช่วงเช้าๆ แล้ว มันยังทำให้เขาต้องใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำนานกว่าเป็นปกติอีกด้วย...
อิศม์เดชถอนหายใจเฮือกใหญ่ ไม่แน่ใจว่าเขาจะทนนอนเฉยๆ ไปได้อีกนานเท่าไหร่
ร่างใหญ่นอนพลิกไปพลิกมาอยู่บนเตียงอยู่สักพัก ข่มตาให้หลับอย่างยากเย็น เพราะรู้สึกราวกับว่าตัวเองขาดอะไรไปสักอย่าง เปลือกตาคมกริบเปิดขึ้น ผ่อนลมออกมาอย่างแรง
บ้าเอ้ย... ด่าตัวเองเสร็จ แขนแกร่งก็สอดเข้าไปใต้ลำคอของคนหลับปุ๋ย และลากร่างเล็กเข้ามาไว้ในอ้อมกอดของตัวเอง
อุ๊ย คะ คุณเอิร์ธจะทำอะไรคะ มุกตาภาสะดุ้งตื่น ตกใจจนใจหายวาบ ที่จู่ๆ ก็โดนลากไปกอดโดยที่เธอยังรู้สึกตัวอยู่ ถ้าตื่นมาตอนเช้าก็อีกเรื่องนึง พลางดิ้นขลุกขลักให้หลุดจากวงแขนแข็งแรงของเขา
ชู่ส์ เฉยๆ เถอะน่า เขาใช้น้ำเสียงเข้มเข้าปราม
ปล่อยมุกนะคะ เธอแหว
จะโวยวายไปทำไมกัน ก็กอดกันอยู่ทุกวัน
อิศม์เดชตัดความรำคาญ พลางกระชับร่างเล็กให้แน่นขึ้นจนแผ่นหลังบางแทบหลอมละลายเป็นเนื้อเดียวกับแผงอกบึกบึนของเขา พร้อมกันนั้นก็แอบสูดกลิ่นหอมกรุ่นของเรือนผมสลวยเข้าไปเต็มปอดอย่างที่ทำๆ อยู่เป็นประจำ
ตะ แต่ เธอตั้งใจจะบอกว่า แต่เราไม่เคยกอดกันตอนหัวค่ำอย่างนี้นี่ หญิงสาวเลยยังรู้สึกแปลกๆ นั่นเอง
จะแต่อะไรอีก นอนได้แล้ว ถ้าไม่นอนฉันจะทำอย่างอื่นล่ะนะ เขาขู่ด้วยน้ำเสียงแหบพร่า
คนบ้า เผด็จการที่สุดเลย มุกตาภาบ่นอุบอิบ
ถ้ายังไม่เลิกบ่น ฉันจะปล้ำ อิศม์เดชขู่เสียงแหบโหย เพราะเขาอยากทำอย่างที่พูดที่สุด
ค่ะๆ เลิกแล้วค่ะ
คนกลัวโดนปล้ำละล่ำละลักตอบอย่างเดียวไม่พอ ยังพลิกตัวกลับมากอดร่างใหญ่ตอบด้วย บดเบียดร่างเล็กนุ่มนิ่มแนบชิดไปกับร่างใหญ่เต็มไปด้วยมัดกล้ามอย่างออดอ้อน โดยไม่รู้ตัวสักนิด ว่าการกระทำของเธอกำลังจะทำให้อีกฝ่ายแทบทนอดและอดทนไม่ไหวอีกต่อไป...
เพราะตอนนี้เขาอยากรักตัว อยากหลงไข่ อยากคลั่งปลาไหล และอยากกินน้ำแกงหวานๆ ถ้วยนี้เหลือเกิน แต่คงไม่ได้...
โอ แล้วเขาจะทนไปได้อีกสักกี่น้ำ อิศม์เดชนอนคิดอย่างปวดหัวใจ...และส่วนอ่อนไหวที่แข็งขึ้นตุ่มไต...

No comments:

Post a Comment