no right click


Wednesday, May 18, 2011

ตอนที่ 4. Sparkling Zone: คนชอบแกล้ง แกล้งคนกลัว จนใจ (ตัว) ไหวหวั่น

ตอนที่ 4. Sparkling Zone: คนชอบแกล้ง แกล้งคนกลัว จนใจ (ตัว) ไหวหวั่น

นายเหมืองเป็นอะไร มีอะไรไม่สบายใจเหรอครับ
เมืองแมนตัดสินใจถามนายตัวเองออกมา ขณะที่พวกเขาทั้งคู่นั่งทานอาหารเที่ยงร่วมกับคนงานคนอื่นๆ ที่โรงอาหารเพราะวันนี้ทั้งวัน อิศม์เดชทำตัวราวกับคนไม่อยู่กับร่องกับรอย เรียกครั้งเดียวไม่เคยหัน ต้องเรียกสองหรือสามครั้งขึ้นไป
และที่สำคัญ ดันคำนวณสัดส่วนของวัตถุระเบิดที่ใช้ในการระเบิดหินผิดเสียด้วย นี่ถ้าเขาซึ่งเป็นวิศวกรเหมืองแร่โดยตรงไม่ตรวจเช็คให้แน่ใจอีกครั้ง คงได้หามคนงานส่งโรงพยาบาลกันเป็นทิวแถว เพราะจำนวนวัตถุระเบิดที่ถูกใส่ไปมากเกินไป และจะทำให้การระเบิดหินกระเด็นออกไปเป็นวงกว้างกว่าที่กำหนดไว้นั่นเอง
คนฟังสะอึก หน้าตาตื่นไปเพียงแว้บเดียว แต่ก็เปลี่ยนไปสีหน้าขรึมของเขาตามปกติ
เปล่า ไม่มีไรนี่
คนมีอะไรในใจปฏิเสธเสียงเรียบ ตักแกงส้มกุ้งมะละกอ และไข่เจียวหมูสับใส่จาน แล้วทำทีทานอย่างเอร็ดอร่อย
ก็เห็นเหม่อๆ ยังไงชอบกล เมืองแมนพึมพำ ก่อนล้อคนหน้าขรึมด้วยน้ำเสียงซุกซน หน้าตาก็เจ้าเล่ห์รู้ทัน
เฮ้ย หรือว่านายหญิงไม่ให้เข้าหอวะ
เมืองแมนเปลี่ยนสถานะจากลูกจ้างเป็นเพื่อนสนิท พูดเล่นกับอิศม์เดช ซึ่งเขาทำไม่บ่อยนัก เมื่อวานมาถึงก็ยังดูปกติดีนี่ แต่พอผ่านเมื่อคืนมา นายเหมืองหนุ่มทำท่าราวกับคนมีเรื่องให้คิดอยู่ในใจตลอด
ไอ้แมน เดี๋ยวนี้หัดเล่นหัวเจ้านายมึงหรือไง
อิศม์เดชแกล้งขึ้นเสียงต่อว่า ทั้งๆ ที่จริงแล้ว ไม่ได้มีนัยสำคัญในคำพูดของเขาสักนิด กว่าห้าปีที่ต้องร่วมฝ่าฟันอุปสรรค ทำธุรกิจเหมืองหินปูนแห่งนี้ด้วยกันมา เมืองแมนรู้ดีว่าอิศม์เดชไม่เคยคิดว่าเขาเป็นลูกจ้างเลย หากเป็นเพื่อนคู่ทุกข์คู่ยากต่างหาก


มีแต่หัวหน้าคนงามหนุ่มเอง ที่ไม่อยากทำตัวเสมอเจ้านายของตนมากมากนัก จะหยอกเย้าเรียกรอยยิ้มให้อิศม์เดชอย่างเมื่อครู่เป็นบางครั้งเท่านั้น
ตรงเผงเลย อยากเห็นหน้านายหญิงจริงโว้ย ทำอีท่าไหนถึงทำให้เสือขรึมอย่างนายเหมือง กลายเป็นเสือซึมอย่างนี้ คนเดาไปเรื่อยยังไม่เลิกหยอกเย้า
ไอ้แมน มึงหาเรื่องโดนบาทากูชัดๆ นายเหมืองหนุ่มขึ้นเสียงดังกลบเกลื่อนยิ่งกว่าเดิมเข้าไปอีก
หรือว่านายหญิงเห็นนายเหมืองทำตัวออกนอกลู่นอกทางครับ เมืองแมนโน้มหน้ามากระซิบซาบใกล้หัวไหล่แกร่งของคนที่กำลังสะกดอารมณ์อย่างหนัก
หัวหน้าคนงานหนุ่มพูดไปตามคนที่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรภายในบ้านไม้สักหลังใหญ่นั่น และถ้าอิศม์เดชจะทำอย่างที่เขาคิดไว้ เขาก็ไม่แปลกใจเลยสักนิด เพราะเขารู้ว่า นายเหมืองไม่เคยคิดร่วมหอลงโรงกับผู้หญิงที่มารดาหามาให้สักนิด
และคำล้อนี่ ก็ทำให้คนฟังสะดุดกึก เนื้อตัวชาวาบด้วยความรู้สึกผิดที่แล่นปราดไปตามไขสันหลังของตน เพราะรู้สึกผิดต่อคำต่อว่ากลายๆ ของเพื่อนจริงๆ แต่ก็ไม่ยอมรับให้เสียมาดขรึมของตัวเอง
ไอ้แมน ถ้าไม่หยุด มึงจะโดนกระทืบปากแตก น้ำเสียงของเจ้านายโกรธเกรี้ยวเข้าจริงแล้วครานี้
ไม่พูดก็ได้วะ กลัวกินแกงส้มไม่อร่อย
เมืองแมนถอยทัพอย่างรู้ลิมิตของตัวเอง ก่อนหันไปตั้งหน้าตั้งตารับประทานอาหารกลางวันที่ถูกจัดเตรียมไว้ให้คนอ่านได้ทานกันอย่างเอร็ดอร่อยทุกวัน
ส่วนคนโดนจับจุดได้ก็หมดอารมณ์กินข้าวเที่ยงไปทันที เพราะก้อนแข็งๆ ที่ขึ้นมาจุกอยู่ในอก จนกินอะไรไม่ลงนั่นเอง อิศม์เดช คว้าน้ำดื่มพรวดเดียวหมดแก้ว ก่อนเดินหนีกลับเข้าไปในเหมือง
ความคิดที่ทำให้เขาไม่อยู่กับร่องกับรอยเหมือนอย่างที่เมืองแมนว่าไว้ ก็ประดังประเดกันเข้ามาสุมอยู่ในหัว จนเขาต้องหยุดนั่งทบทวนความรู้สึกในใจของตัวเองอีกครั้ง ภายใต้ร่มต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง
เรื่องที่เขาคิดมาก และคิดไม่ตกคือเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน....
ทุกครั้งที่เขามีอะไรกับวันเพ็ญ ภาพเมียเก่าของเขา คือสิ่งเดียวที่เขาเห็น และมันก็ทำให้เขายังมีความสัมพันธ์กับหญิงสาวมาจนถึงทุกวันนี้ แต่เมื่อคืน...
คิดแล้ว อิศม์เดชได้แต่ถอนหายใจอย่างกลัดกลุ้ม เพราะภาพที่เขาเห็น ไม่ได้มีแค่ซาแมนต้าเท่านั้น แต่มีผู้หญิงอีกคนเข้ามาทับซ้อนอยู่ด้วย...
ผู้หญิงที่เขาไม่สมควรให้ความสนใจ ผู้หญิงที่เขาตั้งใจจะไม่ยุ่งเกี่ยวผูกพันด้วย ผู้หญิงคนนั้นคือ ภรรยาของเขาเอง
อิศม์เดชยกมือขึ้นลูบหน้าอย่างคนสับสนในใจ กดนิ้วลงตรงหัวตาเพื่อไล่ความรู้สึกผิดในใจทิ้ง ก่อนเงยหน้าขึ้นมองเหมืองอันใหญ่โตและแสนภาคภูมิใจของตัวเอง
เหมืองหินปูนแห่งนี้เป็นเหมืองที่เขาซื้อต่อมาจากเจ้าของเดิมซึ่งเป็นเพื่อนเก่าสมัยเรียนที่ประเทศสหรัฐอเมริกามาด้วยกันและตัดสินใจเลิกอาชีพนี้ เพราะทนรับกับสภาวะขาดทุนไม่ไหว อิศม์เดชที่ระหกระเหินกลับมาเมืองไทยเพราะโดนภรรยายเก่าหอบผ้าหอบผ่อนหนีเมื่อห้าปีที่แล้วรู้เข้า จึงรับซื้อต่อไว้ โดยใช้เงินเก็บจากการทำงานของตัวเอง รวมกับเงินกู้จากธนาคารอีกจำนวนหนึ่ง
เพราะมีความรู้ทางด้านธรณีวิทยาอยู่แล้วเป็นทุนเดิม กอปรกับมีผู้ช่วยที่เต็มไปด้วยความสามารถอย่างเมืองแมน ซึ่งคอยอยู่เคียงบ่าเคียงไหล่เขามาตลอด ทำให้อาชีพใหม่ของเขาประสบความสำเร็จและคืนทุนในเวลาเพียงไม่กี่ปีเท่านั้น
การทำเหมืองก็ทำเป็นเหมืองเปิดแบบขั้นบันไดอยู่บนภูเขาหินปูนลาดชัน ซึ่งได้รับสัมปทานมาจากกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ วิธีการทำเริ่มจากใช้เครื่องเจาะรูเข้าไปในชั้นหิน เพื่อบรรจุวัตถุระเบิดเข้าไปในรู ก่อนทำการระเบิดชั้นหินออกมา
โดยขั้นตอนนี้เป็นขั้นสำคัญและอันตรายที่สุด เพราะต้องทำการคำนวณปัจจัยต่างๆ ให้แม่นยำ ไม่ว่าจะเป็นความแข็งของชั้นหิน ความกว้างของหน้าชั้นหิน และจำนวนวัตถุระเบิด เพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดจากแรงระเบิดได้
หินที่ระเบิดได้มาก็จะถูกรถตัก ตักใส่รถบรรทุก เพื่อขนไปยังโรงโม่หิน หลังจากโม่หินและจำแนกขนาดหินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หินที่ได้ขนาดแล้วก็จะถูกบรรทุกไปส่งยังแหล่งรับซื้ออย่างโรงผลิตปูนซีเมนต์ ซึ่งหินปูนเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตปูนซีเมนต์หรือมีรถบรรทุกจากโรงงานมาซื้อถึงที่นี่เลย
ร่างใหญ่ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ยิ้มให้กับสำเร็จของตัวเองอีกครั้ง ก่อนเดินไปยังโรงเก็บชนวนระเบิด เพื่อนำไปใช้สำหรับการระเบิดหินในรอบบ่ายนี้
และอิศม์เดชก็สั่งตัวเองหนักแน่นว่า จะไม่ให้ดวงหน้าหวานๆ แสนเศร้าสร้อยของใครบางคนมารบกวนจิตใจจนทำงานผิดพลาดเป็นครั้งที่สองอีกเป็นแน่...  

หลังจากตัดอกตัดใจ และใช้เวลาร้องไห้จนน้ำตาแทบหมดตัวอยู่ในห้องนอน มุกตาภาก็หยัดตัวขึ้นยืนตัวตรง ฮึดสู้กับชีวิตได้อีกครั้ง เธอไม่เข้าใจตัวเอง ทำไมต้องโศกเศร้าเสียใจไปมากมายให้กับการกระทำไร้ศีลธรรมของพวกเขาทั้งคู่ด้วย เพราะเธอก็เป็นเมียตบแต่ง... ถึงจะมาทีหลัง เขาก็ควรจะให้เกียรติเธอบ้าง
และที่สำคัญ ใครจะไปตั้งตัวทัน มาถึงที่นี่วันแรก เธอก็โดนทั้งสามีและผู้หญิงคนนั้นรวมหัวกันเล่นงานเสียจนครองสติแทบไม่อยู่
ทว่าเมื่อตั้งสติได้ และจะไม่ยอมอยู่เป้านิ่งๆ ให้โดนทำร้ายทางจิตใจเช่นนี้อีกต่อไป หญิงสาวจึงออกมาหาข้าวปลาอาหารับประทานประทังความหิวและเติมพลังให้กับชีวิต ก่อนออกไปนั่งชมบรรยากาศบ้านป่าเมืองเขาตรงลำธารหลังบ้าน ซึ่งมีน้ำใสๆ ไหลเย็นฉ่ำ จนเห็นปลาหลายหลายชนิดแหวกว่ายกันอย่างมีความสุขอยู่ข้างในนั่น
จากนั้นหญิงสาวก็ใช้เวลาในช่วงเย็นๆ เดินสำรวจรอบๆ บริเวณบ้าน มุกตาภาตาโตเมื่อเห็นพืชผักสวนครัวจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นมะเขือ พริก มะละกอ กล้วย ถูกปลูกไว้ด้วยกันบนแปลงปลูกผักผืนใหญ่ แล้วไหนจะมีเครื่องเทศที่ใช้ในการปรุงอาหารอย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็น ขิง ข่า ตะใคร้ ใบมะกรูด ใบกระเพรา เหล่านี้เป็นต้น
ทำเอาคนเห็นอดคิดไม่ได้ ว่านายเหมืองของที่นี่ประกอบธุรกิจขายผักด้วยหรือเปล่า
มุกตาภายิ้มออก เธอชอบทำอาหารเป็นทุนเดิม ยิ่งมีวัตถุดิบสดใหม่อย่างนี้แล้ว เธอคงมีความสุขกับการทำกับข้าวให้สามีตัวเองทานเป็นแน่... แต่เขาจะเป็นสุขในการทานฝีมือของเธอหรือปล่านี่สิ
แล้วเธอจะคิดไปถึงจุดนี้ไปทำไมให้รกสมองและเสียเวลา ก็ในเมื่อ เขามีใครคนอื่นคอยดูแลพัดวีอยู่แล้ว ใบหน้างามสะบัดเชิด ดีเสียอีก ไม่เปลืองแรง เปลืองเวลาของเธอด้วย
สองขาเล็กยังเดินสำรวจไปเรื่อยๆ ในบริเวณใกล้ๆ กัน ก็ยังมีเล้าไก่ เล้าเป็ด รวมไปถึงคอกวัวซึ่งมีวัวอยู่ไม่ต่ำกว่าสิบตัว แต่ที่ทำให้มุกตาภาตื่นตะลึงมากที่สุดก็น่าจะเป็นสระน้ำขนาดใหญ่ที่ถูกขุดเป็นรูปสีเหลี่ยมผืนผ้าขนาดกว้างประมาณ 1 ไร่ เห็นจะได้
มุกตาภาเดินเข้าไปยืนดูอยู่ตรงขอบสระด้วยความตื่นเต้น และอยากรู้ว่ามีอะไรอยู่ในแหล่งเก็บน้ำขนาดใหญ่นี้ เพราะดูลักษณะสีน้ำแล้ว คงไม่ใช่น้ำที่เอาไว้คนงานใช้อาบน้ำหรือซักผ้าเป็นแน่
ระวังตกลงไปนะครับ น้ำเสียงทุ้มร้องทักขึ้น
เมืองแมนที่แวะมาให้อาหารสัตว์แทนลูกน้องคนที่มีหน้าที่รับผิดชอบดูแลสัตว์เลี้ยงทั้งหลาย เห็นร่างเล็กเดินดุ่มๆ ตรงไปยังบ่อเลี้ยงปลาขนาดใหญ่ แล้วยังชะโงกหน้าดูอย่างอยากรู้อยากเห็น เลยร้องเตือนด้วยความเป็นห่วง
อุ๊ย... มุกตาภาอุทานด้วยความตกใจ รีบถอยห่างออกจากขอบสระ ก่อนหันไปทางต้นเสียง ก็พบผู้ชายหน้าตาคมเข้ม ผิวคล้ำกร้านแดด ยืนส่งยิ้มยิงฟันขาวให้เธออยู่
เอ่อ ขอโทษค่ะ พูดออกไปด้วยไม่รู้ว่าตัวเองอาจได้บุกรุกพื้นที่เจ้าของเข้าแล้ว
สวัสดีครับคุณมุก ผมเมืองแมน เป็นหัวหน้าคนงานที่นี่ครับ
เมืองแมน ชายหน้าตาคมเข้มตามแบบฉบับหนุ่มใต้แท้ๆ แนะนำตัวเองอย่างเป็นกันเอง ผู้หญิงสวยน่ารักคนนี้จะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจจะเมียของนายเหมืองที่เพิ่งเข้ากรุงไปแต่งเมียมานั้นเอง
คะ ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะคุณเมืองแมน ยิ้มหวานถูกส่งตามมาด้วย มุกตาภาจึงเดินมาคุยใกล้ๆ
เรียกผมว่าแมนเฉยๆ ก็ได้ครับ เขาบอกอย่างเกรงใจ
ไม่เอาหรอกค่ะ จะให้เรียกชื่อเฉยๆ ได้ยังไง งั้นมุกเรียกพี่แมนก็แล้วกันนะคะ
ตามใจครับ แล้วนี่นายหญิงมาทำอะไรแถวนี้ครับ
เขาถามโดยเรียกสรรพนามที่ทำให้อีกฝ่ายต้องหน้าแดง ดวงตาคมแอบสำรวจร่างเล็กที่อยู่ในกางเกงขาสั้นสีขาว คู่กับเสื้อยืดสีเหลือง หน้าตาสวยน่ารักแบบนี้ เพื่อนของเขาคงหวั่นไหวบ้างไม่มากก็น้อย
เมืองแมนแอบยิ้มในใจ อยากเห็นนายเหมืองที่ตรำงานหนักมาหลายปี มีครอบครัวและมีความรักกับเขาได้อีกครั้ง
และเขาก็อดคิดเปรียบเทียบนายหญิงกับสาวน้อยแสนซนที่เขารู้จักเป็นอย่างดีอีกคนไม่ได้ อีกไม่กี่วันชีวิตเขาก็คงยุ่งวุ่นวายขึ้นอีกเป็นกอง เพราะเด็กสาวที่คอยมาวิ่งเล่นอยู่ในทั้งในใจและรอบตัวเขาจะเรียนจบ และกลับมาอยู่ที่นี่ พร้อมกับทำงานกับเหมืองแห่งนี้แบบเต็มตัว
แล้วเขาจะต้านแรงยั่วของยายจอมยุ่งได้หรือไม่ เมืองแมนยังหวั่นใจ
มุกเดินสำรวจรอบๆ บ้านมาเรื่อยๆ จนมาถึงที่นี่น่ะค่ะ น้ำเสียงหวานเอ่ยอย่างร่าเริง ดวงตากลมโตกราดมองดูรอบๆ ด้วยความตื่นตาตื่นใจ เอ่อ ในสระนี้มีอะไรอยู่หรือคะ เธอถาม พลางชะโงกตัวไปมองในสระน้ำนั่นอีกครั้ง
เป็นบ่อเลี้ยงปลาน่ะครับ เลี้ยงไว้หลายพันธุ์เลย มีทั้งปลานิล ปลาดุก ปลาตะเพียน และปลาน้ำจืดที่พวกคนงานหาๆ มาโยนใส่ไว้น่ะครับ
เลี้ยงไว้ขายหรือคะ มุกเห็นมีทั้งไก่ ทั้งเป็ด ทั้งวัว ไหนจะพืชผักสวนครัวหลายอย่างตรงโน่นด้วย
เธอถามพลางชี้ไปตรงบริเวณแปลงผักที่เธอเพิ่งเดินผ่านมา แล้วตอนนี้สปริงเกอร์ที่ถูกตั้งเวลาเอาไว้ก็กำลังฉีดน้ำให้ความชุ่มชื่นกับแปลงผักอยู่โดยทั่ว
เปล่าครับ นายเหมืองเขาทั้งเลี้ยงทั้งปลูกไว้ให้คนงานทานกันนะครับ เลี้ยงเอง ปลูกเอง ทานเอง ไร้สารพิษครับ แถมยังประหยัดเบี้ยไปได้ตั้งเยอะ แต่ถ้าผลผลิตมันออกมาเยอะ ก็จะเอาไปขาย แล้วเอาเบี้ยมาแบ่งปันให้กับคนงานน่ะครับ
อิศม์เดชเป็นนายเหมืองในดวงใจของชาวเหมืองแห่งนี้ เขาปรับเปลี่ยนสถานะความเป็นอยู่ผู้คนที่นี่ ให้มีงานทำ มีรายได้ เพิ่มระดับมาตรฐานชีวิตให้กับชุมชนชาวเหมืองของเขา
ถึงนายเหมืองหนุ่มจะดุดันและจริงจังกับงาน เพราะงานแบบนี้ มีหัวหน้าที่ไม่มีความเด็ดเดี่ยวคงไม่ได้ แต่ในความเด็ดขาดและไม่เกรงกลัวใคร เขามีน้ำใจและดูแลลูกน้องเป็นอย่างดี จนกลายเป็นที่รักของคนงานในเหมือง รวมทั้งชุมชนที่นี่ด้วย
งั้นหรือคะ ดีจัง มุกตาภาพึมพำอย่างทึ่งในตัวสามีใจร้าย อย่างน้อยก็เธอก็รู้แล้วว่าที่นี่ไม่ใช่เหมืองเถื่อนอย่างที่เขาหลอกเธอเอาไว้
แล้วพี่แมนมาทำอะไรที่นี่คะ เธอถามต่อ เลิกคิ้วด้วยความสงสัย
พี่มาให้อาหารสัตว์นะครับ
จริงๆ เขาไม่ต้องทำหน้าที่นี้ แต่วันนี้คนงานที่รับผิดชอบหน้าดูแล ลาไปเที่ยวในตัวเมืองกัน เพราะพรุ่งนี้เป็นวันหยุด
ให้มุกช่วยนะคะ
มุกตาภานึกสนุก เกิดมายังไม่เคยได้เห็นได้สัมผัสชีวิตเกษตรกรว่าเป็นเช่นไร เลยอยากลองเรียนรู้บ้าง อีกอย่างถ้ามาอยู่ที่นี่แล้วไม่มีอะไรทำ เธอจะได้มาช่วยปลูกผักเลี้ยงปลา
เอางั้นก็ได้ครับ
เมืองแมนรับคำด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม รู้สึกถูกใจนายหญิงของตัวเองอีกขึ้นเป็นโข นอกจากไม่ทำตัวแบบคนเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อแล้ว ยังยอมลงมาย่ำเหยียบขี้ไก่ด้วยตัวเอง แบบนี้สิ ถึงจะคู่กับนายเหมืองของเขาได้
ทั้งสองช่วยกันให้อาหารสัตว์ทั้งหลายอย่างสนุกสนานและเป็นกันเอง มุกตาภาเองก็ซึมซับ จดจำทุกคำพูดที่เมืองแมนสอนและแนะนำไว้เป็นอย่างดี เธอจะได้แวะมาดูแลฟาร์มย่อยๆ แห่งนี้ด้วยตัวเองในยามว่างของเธอ
จนมาถึงบ่อปูนซีเมนต์ที่ถูกสร้างไว้ไม่ไกลจากเล้าไก่ มุกตาภาเดินปรี่เข้าดูใกล้ๆ ด้วยความอยากรู้อยากเห็นอีกเช่นเคย แต่สิ่งมีชีวิตที่ปรากฎต่อสายตาของเธอ ก็ทำให้มุกตาภาหวีดร้องเสียงหลง
กรี๊ดดดดดดดดดด!!!”
ร่างเล็กยังไม่เลิกร้องด้วยความตกใจ พลางหันหลัง โผเข้าซบอกเมืองแมนที่วิ่งตามมาดูด้วยความตกใจไม่แพ้กัน นึกว่านายหญิงของตัวเองได้รับอันตรายจากสัตว์มีพิษซึ่งพบเห็นกันได้บ่อยครั้งตามป่าตามเขาเช่นนี้
นายหญิงเป็นไรไปครับ เสียงเมืองแมนตื่นตระหนก
กรี๊ดดดด!! คางคกค่ะพี่แมน คางคก มุกกลัวคางคก!!”
เสียงหวานสั่นระริก น้ำตาก็ไหลรินอาบแก้ม เห็นมันตัวเดียวเธอก็กลัวแทบตาย นี่เห็นทั้งบ่อ เธอไม่ต้องฝันร้ายไปทั้งชาติหรือ มุกตาภาตัวอกสั่นขวัญแขวนอยู่บนอกแกร่งของเมืองแมน
เมืองแมนกลั้นหัวเราะแทบแย่ ถึงสัตว์ในบ่อจะคล้ายคางคก แต่มันใช่เสียที่ไหน มือหนาจับร่างเล็กที่โผเข้ากอดเขาไว้แน่นไว้ตรงต้นแขน แล้วดันให้ร่างเล็กให้ยืนตรงหน้า ก่อนก้มใบหน้าคมของตัวเองลงมาพูดกับเธอใกล้ๆ
ไม่ใช่คางคกครับ แต่เป็นกบต่างหากล่ะ พี่เลี้ยงไว้เองครับ ไม่ต้องกลัวครับ ดูใหม่สิครับ กบต่างหาก
เมืองแมนปลอบเสียงนุ่ม พลางดึงร่างเล็กให้เข้าใกล้บ่อเลี้ยงกบอีกครั้ง แต่มุกตาภายื้อตัวเอาไว้ ซ่อนตัวไว้หลังร่างใหญ่ หญิงสาวส่ายหน้าดิก ปฏิเสธไม่ขอเข้าใกล้บ่อเลี้ยงกบนั่นเป็นอันขาด
ไม่เอาค่ะ จะกบหรือคางคก มุกก็กลัวทั้งนั้นค่ะ แล้วเลี้ยงไว้ทำไมตั้งเยอะแยะคะ ถึงเห็นมันเพียงแค่เสี้ยววินาที แต่เธอก็เห็นชัดว่ามันมีจำนวนหลายร้อยอยู่
คนงานที่นี่ชอบกินกบกันเป็นที่สุด และราคาก็แพงมากๆ นะครับ 
ยี้ มุกตาภาทำท่าราวกับคนกำลังจะอาเจียน กินกบนี่นะ ถึงรู้ว่ามันกินได้ แต่เธอไม่เคยคิดจะลิ้มลองมันสักครั้ง
คนกลัวสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำหมดอารมณ์ให้อาหารสัตว์ อีกอย่างฟ้าก็เริ่มมืด จึงตั้งใจจะเอ่ยลาเพื่อนใหม่ ทว่าเสียงทุ้มห้วนจัดที่เธอไม่ได้ยินมาเกือบหนึ่งวันเต็มๆ ก็ดังขึ้น
มายุ่งอะไรแถวนี้มุกตาภา!!”
เจ้าตัวสะดุ้งโหยง พร้อมกับหันไปมองต้นเสียงก็พบว่าสามีตัวเองยืนทำหน้ายักษ์หน้ามารอยู่ไม่ไกลจากจุดที่เธอยืนเบียดเมืองแมนอยู่ เพราะยังกลัวสัตว์ในบ่อนั่นไม่หาย และเธอก็รู้สึกตัว รู้สึกถึงความไม่เหมาะสม จึงลดมือที่เกาะร่างใหญ่ไว้ลงข้างตัวแทน
นายหญิงมาช่วยผมให้อาหารสัตว์น่ะครับ
เมืองแมนให้คำตอบแทน เห็นสายตาเป็นประกายวิบวับนั้นก็พอรู้แล้วว่าไม่พอใจเป็นแน่ ไม่รู้ว่าเห็นตอนนายหญิงกระโดดกอดเขาด้วยหรือเปล่า หัวหน้าคนงานหนุ่มเป็นกังวลใจ แค่ไม่อยากให้เกิดการเข้าใจผิดกันก็เท่านั้น
ฉันถามนายหรือไอ้แมน
นายเหมืองอารมณ์เสียย้อนเพื่อนรัก แล้วจะไม่ให้เขาอารมณ์เสียได้ยัง ก็เห็นเจ้าสาวของตัวเองกระโดดไปอยู่บนอกเพื่อนเต็มๆ ตา แถมยังจับไม้จับมือ ไม่ปล่อยกันง่ายๆ อีก
ปกติเขาไม่ค่อยผ่านเข้ามาบริเวณนี้ เพราะรู้ว่าลูกน้องดูแลฟารม์ย่อยๆ แห่งนี้ได้เป็นอย่างดี แต่เพราะทราบมาจากวันเพ็ญว่ามุกตาภาออกมาเดินเล่นข้างนอก และเห็นว่ามืดค่ำแล้ว เขาจึงตามเธอมาที่นี่ จึงทำให้เห็นเหตุการณ์เมื่อครู่เข้าพอดี...
เมืองแมนหน้าหุบไปทันใด แต่ไม่โกรธเพื่อนสักนิด คงจะหวงเมียตัวเอง
กลับบ้านได้แล้ว ไม่เห็นหรือว่ามันมืดแล้ว ที่นี่ไม่ใช่กรุงเทพนะ ที่จะกลับบ้านดึกๆ ดื่นๆ ทำตัวเป็นผีเสื้อราตรี
อิศม์เดชหันมาหาเรื่องมุกตาภาที่ยืนทำหน้าบึ้ง กัดฟันทน ไม่เข้าใจอารมณ์ผู้ชายคนนี้เอาเสียเลย
เพิ่งรู้ว่าหกโมงเย็น คือเวลาดึกของนายเหมือง
เธอย้อนเพราะอารมณ์เดือดที่สุมอยู่ในใจตั้งแต่เมื่อวาน อีกทั้งยังเรียกชื่อเขาอย่างที่แม่บ้านเรียกอีกด้วย
นายเหมืองหนุ่มที่อารมณ์เสียอยู่แล้วมีควันออกมาทางหูกรุ่นๆ ไอ้คำพรรค์ที่หญิงสาวใช้เรียกเขาอยู่นั้น มันสำหรับให้ลูกน้อง ไม่ใช่เมีย
ถึงไม่ดึก แต่ก็มืดแล้ว เดินกลับบ้านมืดๆ ไม่กลัวสิงห์สาราสัตว์หรือไง เขายังมีเหตุผลถึงจะข้างๆ คูๆ
มุกตาภานิ่วหน้า บ้านก็อยู่แค่นี้ เธอไม่ได้ไปเดินอยู่ในป่าสักหน่อย แล้วทำไมถึงพูดกับเธอดีๆ ไม่ได้ อยากจะเถียงคนบ้าอำนาจ แต่ก็ขี้เกียจต่อปากต่อคำกับให้เปลืองน้ำลาย จึงหันไปลาเมืองแมน
มุกไปนะคะพี่แมน ขอบคุณสำหรับความรู้ค่ะ
พูดจบ เธอก็สะบัดหน้าเชิด เดินเฉียดไหล่แกร่งของนายเหมืองหนุ่มด้วยกิริยาเฉยชา โดยไม่คิดจะเอ่ยอะไรกับเขาสักคำ อย่างเช่นที่เขาทำกับเธอเมื่อวาน
อิศม์เดชกัดฟันกรอดกับท่าทีเย่อหยิ่งของภรรยาตัวเอง ก่อนปรับสีหน้าของตนให้เป็นปกติ เพื่อไม่ให้เมืองแมนจับไต๋ได้
กบโตพอจะกินได้หรือยัง นายเหมืองหนุ่มเปลี่ยนเรื่องพูด
ล็อตนี้เพิ่งย้ายมาจากบ่ออนุบาลกบเมื่อเดือนที่แล้วเอง คงอีกสักพักน่ะครับนายเหมือง
ถึงจะงงกับคำถามของหัวหน้า เพราะอิศม์เดชเป็นคนไปจัดการด้วยเองทั้งหมด แต่ก็ตอบไปตามตรง เพราะปกติแล้วจะใช้เวลาเลี้ยงต่อไปอีกสองถึงสามเดือนก็นำมาประกอบอาหารรับประทานได้
ว่าจะมาจับไปให้เพ็ญทอดขมิ้นสักหน่อย งั้นฉันไปล่ะ
อิศม์เดชลาไปเฉยๆ ปล่อยให้คนมองตามหลังเกาหัวแกรกๆ ด้วยความงุนงง ไม่เข้าใจพฤติกรรมนายตัวเอง ตกลงมาที่นี่เพื่อมาเอากบโดยเฉพาะเหรอ ถ้าอยากกินจริงๆ ให้วันเพ็ญมาจับไปก็ได้
ท่าจะมาตามเมียตัวเองมากกว่า แต่ทำเป็นเก็ก เมืองแมนยิ้มอย่างรู้ทัน...

มาได้ไม่กี่วันก็ไปผูกมิตรกับผู้ชาย อย่างที่ฉันว่าไว้จริงๆ
อิศม์เดชที่เดินตามมาทันร่างเล็กตรงบริเวณร่องปลูกผักเปิดฉากเหน็บแนมทันที คนฟังสะดุดกึก ฉุนกึก แต่ก็ยังเดินนำหน้าแบบคนเอาหูไปนาเอาตาไปไร่
ฉันพูด ไม่ได้ยินหรือ เขาตะคอกถาม เดินตามร่างเล็กที่ยังตั้งหน้าตั้งตาเดินหนีเขามาติดๆ
ได้ยินค่ะ แต่ไม่ใส่ใจ
ถึงจะโมโหกับคำกล่าวหาของเขา มุกตาภาก็ตอบเสียงเรียบ ขี้คร้านจะขึ้นเสียงกับคนชอบหาเรื่องคนอย่างเขา อีกอย่างเขาก็เห็นว่าเธอไม่ดีมาตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว  ทว่าเขากลับไม่เคยย้อนไปดูตัวเองเลยสักนิด ว่าทำตัวน่ารังเกียจแค่ไหน
เพราะมันเรื่องจริงใช่ไหมล่ะ นายเหมืองหนุ่มย้อน มุมปากหยักขึ้นเล็กน้อยอย่างเยาะหยัน
ก็ถ้านายเหมืองจะคิดแบบนั้น มุกก็ห้ามอะไรไม่ได้หรอกค่ะ เพราะคนที่คิดได้แต่เรื่องต่ำๆ ก็ส่อให้เห็นถึงนิสัยว่าเขาเป็นคนยังไง
มุกตาภาหยุดเดิน หันหลังดังขวับมาต่อว่าเขานัยๆ ด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เงยใบหน้าบึ้งตึงขึ้นมองเขาอย่างไม่ยอมกัน ทว่าเมื่อเห็นดวงตาคมที่เปล่งประกายด้วยเพลิงพิโรธ ร่างเล็กจึงหันหลัง แล้วรีบจ้ำอ้าวเดินหนีเขากลับบ้านทันที
อิศม์เดชโกรธจนควันออกหู มือหนาคว้าข้อมือเล็กของเธอไว้ได้ ก็กระชากอย่างแรงให้หญิงสาวหันกลับมาเผชิญหน้า ทว่าด้วยแรงดึงอันมหาศาลเทียบกับมวลน้ำหนักของสาวตัวเล็กๆ ร่างน้อยจึงลอยละลิ่วมาเข้ามาอยู่บนอกแกร่งของเขาได้ง่าย ราวกับขนนกโดนลมพัด ทรวงอกอวบนุ่มหยุ่นปะทะเข้ากับแผงอกแกร่งอย่างเหมาะเจาะพอดี
แม้จะเป็นเพียงเสี้ยววินาทีเดียวที่ชิ้นส่วนอวบหยุ่นของเธอสัมผัสเข้ากับเนื้อตัวของเขา อิศม์เดชก็รู้สึกถึงความทรงพลังของมันได้เป็นอย่างดี กระแสความร้อนวูบวาบกระจายไปทั่วร่างใหญ่อย่างทั่วถึง... และรวมไปถึงชิ้นส่วนอันตรายของเขาเองด้วย แล้วดูเหมือนว่าความร้อนทั้งหมดทั้งมวลต่างก็พากันรวมตัวหยุดแช่อยู่ตรงนั้น
มุกตาภาตกใจจนแทบลืมความขุ่นมัวก่อนหน้าที่อยู่ๆ เธอก็ตกเขาไปอยู่ในวงแขนร้อนดั่งไฟของเขา เมื่อครู่เธอก็กระโดดเข้าเกาะเมืองแมนแบบนี้ แล้วทำไมเธอถึงไม่รู้สึกราวกับมีประกายไฟแลบแปลบปลาบไปตามร่างน้อยเหมือนในยามนี้สักนิด...
ดวงหน้าเล็กเงยขึ้นสบกับดวงตาคมทอประกายแวววิบวับของเขา สายตาสองคู่ประสานกันแน่นิ่งกันชั่วอึดใจ ก่อนอิศม์เดชที่ตั้งสติได้เพราะกลัวว่าร่างเล็กจะสัมผัสได้ถึงสิ่งที่ผิดรูปผิดร่างไปแล้วด้านล่างลำตัว จึงรีบผลักร่างเล็กออกจากตัว จนหญิงสาวเกือบล้มหงายหลัง...
กล้าดียังไงมาว่าฉันต่ำ มือหนาคว้าหมับตรงต้นแขนเรียว แล้วบีบถามอย่างคาดคั้น
และถึงจะตกใจกับความรู้สึกแปลกๆ และปฏิกิริยาโต้ตอบฝ่ายต่ำที่เกิดขึ้นง่ายเกินไปของตัวเอง อิศม์เดชก็ยังคงมาดคนโหดเอาไว้ได้อย่างดี ในขณะเดียวกันก็ต้องแอบหายใจเข้าปอดแรงๆ เพื่อลดระดับความพลุ่งพล่านให้ตัวเองให้ได้
มุกไม่ได้พูดอย่างนั้นสักหน่อย นายเหมืองตีความยอมรับเอาเองทั้งนั้นนะคะ
มุกตาภาไม่ยอมแพ้ รู้สึกเจ็บต้องที่โดนมือคีมเหล็กบีบอยู่ แต่ทำใจดีสู้เสือเถื่อนๆ อย่างเขา
ฉันเป็นสามีเธอ ไม่ได้เป็นเจ้านายของเธอ
เขาพูดเกือบเป็นตะคอกใส่หน้า รู้สึกโกรธจนแทบทรงมาดขรึมของตัวเองไม่อยู่ เพราะโดนหญิงสาวทั้งแอบด่า ทั้งทำตัวเหินห่าง
คุณเอิร์ธเห็นว่ามุกเป็นภรรยาด้วยหรือคะ เธอย้อนถามเสียงเขียว ก่อนต้องนิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวด เมื่อเขาเพิ่มแรงบีบตรงต้นแขนลงไป
โอ๊ย มุกเจ็บ ปล่อยนะ มุกตาภานิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวด ใช้มืออีกข้างแกะมือใหญ่ยักษ์ของเขาออกจากตัว
ได้คุยกับไอ้แมนไม่กี่คำก็อวดดีขึ้นเป็นกอง เขาถากถางเสียงลอดไรฟัน ก่อนสลัดร่างเล็กทิ้งไปตรงหน้าอีกครั้ง มุกตาภาค้อนขวับให้เขาอย่างโกรธเคือง
ดี... น้ำเสียงทุ้มประชดประชัน เขาไม่ได้คิดอย่างที่ชมเธอไว้สักนิด อวดดีอวดเก่งอย่างนี้ไปให้ตลอดนะ ฉันหรือก็อุตส่าห์เป็นห่วง ว่าจะเดินมาเป็นเพื่อนสักหน่อย เพราะ...
น้ำเสียงทุ้มยานคางตรงท้ายประโยค และมันก็ทำให้คนฟังเลิกคิ้วขึ้นกับความรู้สึกไม่ชอบมาพากล....
เพราะ...แถวนี้มีคางคกเยอะเสียด้วยสิ
อิศม์เดชกระตุกยิ้ม ก่อนทิ้งท้ายเอาไว้ให้คนกลัวคางคกได้กลัวเล่นๆ ก่อนเดินผิวปากกลับไปยังตัวบ้านทันที
หากเขาไม่ได้รู้เลยว่า...มันมีประสิทธิภาพสูงจนทำให้คนฟังแทบช็อค...
คำต้องห้ามที่ชายหนุ่มเอ่ยทำให้มุกตาภายืนแข็งอยู่กับที่ราวกับตัวติดของในช่องแช่แข็ง มือเท้าเย็นเฉียบ ใจที่ระรัวเร็วสั่งพาตัวเองเดินไปให้ไกลจจากบริเวณอันตรายนี้ให้เร็วที่สุด
...ทว่าขาเรียวงามทั้งสองข้างกลับหนักอึ้งราวกับถูกถ่วงด้วยเสมอของเรือสำราญขนาดใหญ่...
นัยน์ตาฉ่ำไหวระริกตื่นตระหนก มองสำรวจรอบๆ ตัว ว่ามีสิ่งมีชีวิตที่เขาเอ่ยเอาไว้อยู่ใกล้ๆ ตัวจริงหรือไม่ แล้วลมหายใจของเธอก็เริ่มติดขัด เมื่อมองเห็นเงาดำๆ ในช่วงหัวค่ำแบบนี้ตรงพื้นทางเดินข้างหน้าและบริเวณรอบๆ ตัว
พาลทำให้คนเห็นคิดว่ามันคือสิ่งที่เธอกลัว และมันก็อยู่รายรอบเต็มไปหมด...
น้ำตาแห่งความตื่นกลัวไหลรินโดยอัตโนมัติ ตั้งแต่จำความได้ เธอก็กลัวสัตว์ชนิดนี้ขึ้นสมอง แล้วถ้าให้เธอต้องเดินฝ่าดงสัตว์เหล่านี้ เธอก็ขอกลั้นใจตายเสียดีกว่า
ส่วนคนที่อยากแกล้งเมียตัวเองเดินไปหนีไปประมาณสิบก้าว ก็หยุดตัวเองลง แล้วหันกลับมามองหญิงสาวอีกครั้ง ทว่าร่างเล็กที่ยืนร้องไห้ฮือๆ น้ำตาไหลพรากๆ อยู่กับที่ ก็ทำให้อิศม์เดชตกใจ แล้วรีบเดินกลับหาเธอ
เป็นอะไร
คนฟังไม่ตอบ ได้แต่ยืนร้องไห้ เธอจะตายในป่าคางคกวันนี้หรือเปล่า มองไปทางไหน ก็เห็นตัวคางคกยั้วเยี้ย ลอยเด่นขึ้นมาหลอกหลอน หูของเธอก็แว่วๆ เป็นเสียงกบและคางคกร้องดังเซ็งแซ่ จนเธอไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว
อิศม์เดชอยากจะหัวเราะแต่ก็หัวเราะไม่ออก เมื่อเห็นท่าทีราวกับคนโดนสต๊าฟเอาไว้ ดวงหน้าหวานๆ ก็ซีดเผือด มีน้ำตาเจิ่งนองนั่น
เพราะเขาได้ยินเสียงหวีดร้องถึงความกลัวสัตว์ชนิดนี้เต็มสองหูเมื่อสักครู่ และเขาก็แค่อยากแกล้งหญิงสาวที่มาอวดดีว่าเขาก็เท่านั้น ไม่คิดว่าจะกลัวจนตัวแข็งทื่อแบบนี้
มุกตาภา ได้ยินฉันไหม เธอเป็นอะไรไป
นายเหมืองหนุ่มเริ่มใจคอไม่ดี มือหนาจับร่างเล็กเขย่าเพื่อให้เธอรู้สึกตัว ร่างเล็กผวาเฮือก ดวงตาเบิกโพลง หน้าตาตื่นตระหนก
มะ มุกกลัวคางคก ฮือๆ เธอบอกพลางร้องไห้โฮแบบไม่อายใคร โผตัวเข้ากอดเขาแน่นอย่างขอที่พักพิง ซุบหน้าลงสะอื้นฮักๆ บนอกแกร่ง
ช่วยมุกด้วย มุกกลัว ฮือๆๆ เสียงหวานสะอื้นไห้ มือน้อยเกาะเกี่ยวร่างใหญ่ไว้แน่น
คนชอบแกล้งใจแป้ว แขนล่ำสันของเขาก็โอบกอดหญิงสาวตอบ จนร่างเล็กๆ แทบจมหายเข้าไปแผงอกแข็งแรงของตัวเอง มือหนายกขึ้นลูบแผ่นหลังเล็กๆ นั่นอย่างปลอบประโลม
...แล้วปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นมาเมื่อครู่ ก็ขึ้นได้อย่างได้อย่างง่ายดายอีกครั้ง...
อิศม์เดชรู้สึกร้อนรุ่มไปทั้งตัว ทั้งๆ ที่ไม่ควรเป็น เลือดลมไหลเวียนผิดจังหวะไปหมด และการตอบสนองของร่างกายเขายามได้สัมผัสเธอก่อนหน้านี้ ก็ไม่ใช่เรื่องบังเอิญด้วย...
โอ ผู้หญิงคนนี้ ทำได้ยังไงกัน...
มือหนาพยุงหญิงสาวออกจากตัว เพราะไม่อยากให้ร่างกายเกิดการตอบสนองต่อร่างในอ้อมกอดไปมากกว่านี้ ร่างเล็กสั่นสะท้านขึ้นมาทันทีเมื่อต้องผละออกมาจากความอบอุ่นแข็งแรงที่ปกป้องเธออยู่
มุกตาภาเงยขึ้นมองเขาอย่างเว้าวอน ทว่าเมื่อต้องสบกับดวงตาคมคุกรุ่นด้วยไอร้อนๆ ของเขา ก็ต้องก้มหน้างุดด้วยความขวยเขินที่มีเพียงน้อยนิด เมื่อเทียบกับความกลัวที่ยังวนเวียนอยู่ในความคิดเธอ
อิศม์เดชจึงแก้เขินอาการหลุดมาดของตัวเอง ด้วยการคว้ามือน้อย แล้วดึงตัวมุกตาภากลับบ้าน ทว่าร่างเล็กไม่ยอมเดินตาม ยื้อตัวเอาไว้สุดแรง
ไม่ใช่แค่เพราะร่างกายเธอแข็งไม่ต่างกับหินก้อนใหญ่ จนไม่ก้าวขาไม่ออก แต่จะให้เธอเดินฝ่าดงคางคกน่ะหรือ ไม่มีทางเสียล่ะ
เป็นอะไร จะนอนที่นี่หรือไงคืนนี้ เขาหันหลังมาถามด้วยความสงสัย ตีสีหน้าตัวเองให้ขรึมได้อีกครั้ง
ก็มันกลัวจนก้าวขาไม่ออกนี่คะ จะให้มุกเดินได้ไงเล่า มุกตาภาเงยหน้าขึ้นมาตอบอย่างมากระเง้ากระงอดสามีขี้แกล้งของตัวเองโดยไม่รู้ตัว
นัยน์ตาคมของเขาเบิกกว้าง ระริกไหวทันทีที่ได้เห็นท่าทีน่ารักๆ จากคนน่ารักๆ ตรงหน้า
อิศม์เดชอยากจะบ้าตาย เขาเป็นอะไรไปนี่ แต่สิ่งที่เขาทำต่อจากนี้ต่างหาก ยิ่งทำให้เขาได้รับคำตอบแน่ชัด ว่าเขาต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ
นายเหมืองหนุ่มหันหลังให้ร่างเล็ก ย่อตัวลง ก่อนชวนกึ่งออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงดุเข้ม ทว่าใบหน้าคมกลับแดงเข้มอยู่ในความมืด
ขึ้นมาสิ
ดวงตากลมโตเบิกกว้าง ตกตะลึงงึงงันกับคำสั่งรวมทั้งท่าทางของร่างใหญ่ซึ่งย่อตัวอยู่ตรงหน้าเธออยู่ในขณะนี้
อย่าบอกนะ ว่าเขาจะให้เธอ... มุกตาภาคิด แต่ยังไม่ทันได้ให้คำตอบแก่ตัวเอง เสียงห้วนจัดก็เร่งเร้าดังมาอีกครั้ง
อ้าว เร็วสิ ยืนเฉยอยู่ได้ ยิ่งช้า ยิ่งดึก คางคกยิ่งชุมนะ
อิศม์เดชยังใช้น้ำเสียงดุทุ้มเข้ากลบเกลื่อนอาการผิดปกติ ทั้งยังไม่ลืมบทบาทคนชอบแกล้งของตัวเองด้วย
ส่วนคนขี้กลัวเมื่อได้ยินคำต้องห้ามออกมาอีกครั้ง ก็กระโดดขึ้นเกาะแผ่นหลังใหญ่ เกี่ยวขารอบเอวสอบ พร้อมกับโอบแขนรอบลำคอของเขาอย่างรวดเร็ว
แล้วแรงกระแทกจากร่างเล็กแสนนุ่มนิ่มที่แนบชิดไปบนแผ่นหลังกว้างปลุกให้กายหนุ่มร้อนฉ่าจนแทบลุกเป็นไฟ ความร้อน ณ จุดที่มีเนินเนื้ออวบเบียดบี้อยู่ก็ทวีความร้อนแรงมากขึ้นไม่พอ ยังแผ่กระจายไปทั่วร่างใหญ่ของเขาอีกครั้ง นั่นรวมไปถึงอวัยวะชิ้นน้อยที่ดูเหมือนมันจะไม่น้อยอย่างชื่ออยู่อีกต่อไป
อิศม์เดชแข็งทื่อทั้งท่อนบนท่อนล่างแทนหญิงสาว เขาต้องสูดลมเข้าปอดรวบรวมกำลังกายและใจอยู่เป็นนานกว่าจะก้าวเท้าเดินตรงไปยังตัวบ้านได้ ลมหายใจก็ติดๆ ขัดๆ ในขณะที่หัวใจเต้นระรัวผิดนิสัยมนุษย์น้ำแข็งของเขาอย่างสิ้นเชิง
มุกตาภา เธอน่ากลัวกว่าคางคกเป็นไหนๆ รู้ตัวหรือเปล่า...
ส่วนร่างเล็กของคนที่น่ากลัวกว่าคางคกรู้สึกร้อนปร่าตรงจุดที่ร่างกายสัมผัสกับร่างใหญ่นั่น ประกายไฟร้อนหวามวาบตรงทรวงอกที่แนบชิดอยู่บนหลังแกร่ง ละไล้ต่ำลงจนถึงส่วนกลางลำตัวเธอ ซึ่งถูไถอยู่อย่างเร่าร้อนกับเอวสอบอันแข็งแรง ขนในกายสาวลุกเกรียวไปทั่วร่าง ไม่ต่างกับยามกลัวคางคกอยู่บนพื้น
ใบหน้างามแดงซ่านร้อนผ่าวของเธอซบลงบนหลังแกร่งของเขาอย่างเขินอาย อาการกลัวมลายหาย เหลือเพียงความรู้สึกแปลกๆ กับความใกล้ชิด ในท่วงท่าสนิทแนบชิดอยู่กับเขาในขณะนี้ แล้วไหนจะกลิ่นกายแสนทมิฬของเขาที่ลอยมาแตะจมูกเล็กด้วยเล่า
โอย ความรู้สึกแบบนี้มันคืออะไร มุกตาภาก่นร้องถามตัวเองอยู่ในใจ
โชคดีที่เขาไม่มีตาข้างหลัง ไม่งั้นเธอคงไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแน่ ก็ตอนนี้เธออายจนแดงเถือกไปทั้งตัว แดงไม่ต่างกับกุ้งที่เพิ่งโดนน้ำร้อนลวกสักนิด
ไม่เหม็นเหรอ
อิศม์เดชถามเพื่อทำลายความเงียบ มิเช่นนั้นหญิงสาวต้องได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นเป็นจังหวะร็อคของเขาแน่
เอ๋!! เหม็นอะไรคะ
ก็เหงื่อฉันไง นี่มันชุดทำงานฉันนะ น้ำก็ยังไม่ได้อาบ
เพราะหน้าเล็กๆ นั่นไม่เงยขึ้นมาจากแผ่นหลังเขาเลย เขาเลยอยากรู้ว่าหญิงสาวไม่เหม็นกลิ่นเหงื่อจากการตรากตรำทำงานในเหมืองมาทั้งวันหรืออย่างไง
เหม็นนิดหน่อยค่ะ พอทนได้ มุกตาภาตอบอย่างไว้ตัว ทำจมูกยู่ ปล่อยเสียงฟุดฟิดฟู่ๆ ออกมาทางจมูก เป็นการยืนยันว่ากลิ่นอันไม่พึงประสงค์ของเขานั่นอยู่ในระดับที่ยอมรับได้
จะบอกให้ไปได้ยังไง ว่าจริงๆ แล้วมันกำลังทำให้เธอหายใจไม่ทั่วท้องต่างหากเล่า
พูดแบบนี้น่าให้เดินกลับเอง อยากดูคนโดนคางคกกัดตาย เขาไม่ขู่เปล่า แต่ปล่อยแขนที่เกาะเรียวขางามเอาไว้ ออก แล้วยกมือขึ้นมาแกะท่อนแขนกลมกลึงที่เกาะอยู่รอบคอของเขาออกด้วย
มะ ไม่เอาค่ะ หอมค่ะ ไม่เหม็นสักนิด อย่าปล่อยมุกลงนะ มุกไม่อยากโดนคางคกกัดตาย
เสียงหวานสั่นระริกร้องลั่น แขนเล็กโอบรอบคอแน่น จนชายหนุ่มหายใจแทบไม่ออก ท่อนขาเล็กๆ นั่นก็กอดรัดรอบตัวเขาไว้แน่น ดวงหน้าหวานก็ส่ายปฏิเสธเป็นระวิงอยู่บนหลังแกร่ง
อิศม์เดชปล่อยเสียงหัวเราะลั่นอย่างทนเก๊กขรึมอีกไม่ไหวอีกต่อไป ยายคนนี้นี่หลอกง่ายยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด แถวนี้ไม่ได้เป็นดงคางคกอย่างที่เขาหลอก และเธอก็เชื่อสนิท และที่สำคัญ คางคกกัดคนเสียที่ไหน ถึงจะกัด ก็คงไม่ถึงตาย...
เอ้า ยอมๆ ยอมให้ขี่หลังก็ได้ นายเหมืองหนุ่มเอาใจคนขี้กลัวกลั้วเสียงหัวเราะ
ขะ ขอบคุณค่ะ เธอบอกเสียงแผ่ว อย่างอายๆ
กลัวมากเลยหรือ เขาถามด้วยน้ำเสียงนุ่มผิดปกติ
ค่ะ กลัว กลัวที่สุด เธอตอบเสียงสั่น วางคางอยู่กับไหล่แกร่ง พลางกระชับเรียวแขนแน่นขึ้น ยามต้องเอ่ยถึงสิ่งที่ตนเองกลัว
ไม่เห็นน่ากลัวเลย
คุณเอิร์ธไม่กลัวแต่มุกกลัวนี่คะ
ตัวมันเล็กนิดเดียว จะไปทำอะไรเธอได้
พวกตัวเล็กๆ ล่ะตัวดีนัก หนอนเอย แมงมุมเอย ไส้เดือนกิ้งกือ ก็ตัวเล็กทั้งนั้น แต่คนก็ยังกลัวกันนี่คะ ขนาดไม่สำคัญค่ะ สำคัญที่รูปร่างหน้าตาของมัน โอย อย่าให้มุกนึกถึงเลย คิดแล้วขนลุก
มุกตาภาไม่ได้รู้เลยว่าคำแถลงไขของเธอทำเอาคนฟังแอบยิ้มอย่างเอ็นดูภรรยาตัวเองอยู่ในความมืด
แล้วเธอกลัวอะไรอีกนอกจากคางคก
ไม่มีแล้วค่ะ คางคกอย่างเดียว จริงๆ เธอยืนยันหนักแน่น ต่อให้มีอย่างอื่นอีก เธอก็ไม่มีวันบอกเขาหรอก ขืนบอกความลับไปหมด ก็ต้องโดนเขาแกล้งเหมือนอย่างในวันนี้สิ
ไม่น่าเชื่อ เขาเปรยอย่างไม่เชื่อหู พร้อมกับหันเสี้ยวหน้าคมมามองเธอ จึงทำให้แก้มสากของเขาแตะเข้ากับจมูกเล็กของคนที่แอบจ้องสามีตัวเองอยู่ทางด้านหลัง
อุ๊ย ขะ ขอโทษค่ะ เธอละล่ำละลักบอก หน้าตาเลิ่กลัก
แก้มของมุกตาภาร้อนวูบ หลุบตามองต่ำ ซุบหน้ากลับลงบนไหล่แกร่งอย่างขวยเขิน ถึงจะไม่ได้ตั้งใจ แต่มันก็เหมือนเธอไปเริ่มก่อนอยู่ดี โอย แล้วจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนล่ะนี่
อิศม์เดชเองก็รู้สึกไม่ต่างกับยามจรดจมูกตัวเองลงบนแก้มใสเนียนปลั่งของเธอ มันร้อนวูบวาบหวิวไหว กอปรกับร่างนิ่มๆ แนบชิดอยู่อย่างนี้ ยิ่งทำให้เขาพลุ่งพล่านยิ่งขึ้น
ชายหนุ่มแทบห้ามตัวเองไม่ไหว สิ่งที่เขาต้องการในยามนี้ ไม่ใช่แค่อุ้มหญิงสาวไปถึงตัวบ้านเท่านั้น หากเขายังอยากพาขึ้นไปไว้บนห้องนอนของตัวเองด้วย....
แต่เขาก็ไม่มีวันทำเช่นนั้นเป็นแน่ ในเมื่อตั้งใจไว้อย่างแน่วแน่แล้ว ว่ามันจะเป็นการแต่งงานเพียงแค่ในนามเท่านั้น
อีกอย่างเรื่องของเขาก็ยังคาราคาซัง เรื่องของเธอก็ไม่สวยงามนัก เพราะฉะนั้นเขาก็ควรเอาตัวออกมาห่างๆ จากสาวสวยแต่รูป จูบไม่หอมคนนี้เสียจะดีกว่า
คิดได้ดังนั้น อิศม์เดชก็กลับมาอยู่โหมดขรึมของตัวเอง ไม่ชวนคุย ไม่พูด แล้วรีบเดินจ้ำอ้าวกลับไปยังตัวบ้านโดยเร็ว มิเช่นนั้น เขาอาจจะไปหลงเสน่ห์ของหญิงสาวโดยไม่รู้ตัว
เมื่อมาถึงบ้าน ยังไม่ทันที่ชายหนุ่มจะปล่อยร่างเล็กลง ร่างอิ่มของคนที่รออยู่อย่างกระวนกระวายใจก็รีบถลาเข้ามาที่ทั้งคู่ทันที พร้อมกับดึงร่างเล็กลงมาจากหลังแกร่ง แล้วตรวจดูความเรียบร้อยไปตามแขนขาของมุกตาภา ในเชิงเป็นห่วงเป็นใย ไม่ใช่ห่วงของอย่างที่ใจกำลังคิด
ตายจริง นายหญิงไปโดนอะไรมาคะ ให้เพ็ญทำแผลให้ไหมคะ
วันเพ็ญแกล้งอุทานอย่างตกอกตกใจ เสนอตัวดูแลนายหญิงอย่างบ่าวที่ดีอย่างคนมีน้ำใจ ทว่าจริงๆ ไม่ใช่ หล่อนไม่ต้องการให้มารหัวใจได้อยู่ใกล้กับชายคนรักของตัวเองมากไปกว่าอีกเสี้ยววินาทีเดียว
หล่อนเห็นทั้งคู่มาแต่ไกลแล้ว เพราะคอยชะเง้อคอรอชายหนุ่มอยู่ตลอดเวลา ใจจริงอยากจะวิ่งไปกระชากนังมุกตาภาออกมาจากหลังนายเหมืองแล้วตบสั่งสอนอย่างที่ใจกระหายอยากจะทำ ทว่าที่ทำได้คือกัดฟันอดกลั้น แล้วแสดงให้รู้ว่าหล่อนนั้นห่วงใย
ไม่มีอะไรหรอก มุกตาภาเขาแค่กลัวคางคกน่ะ
ดัดจริต!! แกล้งกลัวเพื่ออ้อนนายเหมืองน่ะสิ
นั่นเป็นสิ่งที่วันเพ็ญได้แต่คิดในใจ หากในยามที่ต้องเอื้อนเอ่ย หล่อนก็แสดงออกมาในรูปภาษาดอกไม้สวยงาม
ตาย ดีนะคะ ที่นายเหมืองไปรับมา หล่อนแกล้งเอาทาบอกอย่างโล่งใจ ก่อนหันไปออเซาะอิศม์เดชเป็นการใส่ไฟเมียตีทะเบียนเพิ่ม
นายเหมืองล่ะคะ ทำงานมาเหนื่อยๆ จะอาบน้ำก่อนหรือจะให้เพ็ญจัดสำรับเลยคะ หล่อนถามไม่พอ ยังยกมือขึ้นเกาะเแขนโชว์ด้วย
มุกตาภามองสองคนสลับไปมากอย่างกระอักกระอ่วนใจ นานวันเข้า เธอก็รู้สึกไม่ชอบมาพากลกับแม่บ้านคนนี้เสียจริง บอกไม่ถูกว่าหล่อนดีหรือร้ายกันแน่ แต่คนที่น่ารังเกียจยิ่งกว่าคือสามีเธอต่างหาก
ฉันหิวแล้ว นั่นคือคำตอบว่ากินข้าว ไม่อาบน้ำของอิศม์เดช ก็หญิงสาวบอกเมื่อครู่ว่าตัวเขาไม่เหม็นนี่
คุณละคะ จะรับอาหารเย็นเลยไหมคะ หรือว่าล้างหน้าล้างตาก่อน หล่อนหันไปถามมุกตาภาไปตามหน้าที่
ไม่เป็นไรค่ะ มุกยังอิ่มอยู่เลย เชิญคุณสองคนตามสบายนะคะ
มุกตาภาลา ก่อนหันหลังหนีเดินขึ้นห้องนอนตัวเอง โดยไม่ปล่อยโอกาสให้สามีได้เรียกไว้ทัน เธอแค่ไม่อยากเห็นภาพบาดตาบาดใจนั่นอีกก็เท่านั้น เพราะถ้าพวกเขาจะไปทำอะไรกัน เธอขอไม่รับรู้ ไม่ดูไม่เห็นเสียยังจะดีกว่า...
งั้นจะให้เพ็ญจัดอาหารไปให้บนห้องนายเหมืองไหมคะ ก็ในเมื่อ...นายหญิงไม่อยู่แล้ว
หล่อนถามอย่างยั่วเย้า มือเล็กก็เกาะเกี่ยวแขนใหญ่ ลูบไล้ไปทั่วๆ แต่ก็โดนอิศม์เดชปัดทิ้งอย่างรำคาญปนรังเกียจ เขาไม่รู้ว่าทำไม่ จู่ๆ เขาก็ไม่อยากจับ หรือสัมผัสผู้หญิงคนใด ยกเว้น....
ยิ่งคิด อิศม์เดชยิ่งโมโหตัวเอง... อารมณ์เสียตั้งแต่เห็นร่างเล็กเดินหนีไปแบบไม่บอกไม่กล่าว ไม่ขอบคุณที่เขาอุตส่าห์แบกกลับถึงบ้านเลยสักนิด... มันน่านัก...
ไม่ต้อง และไม่ต้องเสนอหน้าขึ้นไปบนห้องฉันด้วย
นายเหมืองหนุ่มปฏิเสธเสียงห้วน ก่อนเดินหนีเข้าไปกินอาหารค่ำคนเดียวแบบลวกๆ จากนั้นก็แวะจัดการงานที่ห้องทำงานของตัวเองสักพัก ก่อนขึ้นห้องนอน โดยไม่มีใครได้เสนอหน้าขึ้นไปบนห้องนอนของเขาอย่างที่เขาประกาศิตไว้....
แม่บ้านหวังสูงกัดกรามจนฟันแทบหัก ข่มความโกรธเคืองเอาไว้ในตัว ทั้งเกลียดนังมุกตาภา ทั้งน้อยใจนายเหมือง หล่อนสะบัดหน้าพรืด เดินกระแทกเท้าเข้าไปจัดการงานของตัวเองให้เรียบร้อย ก่อนกลับห้องตัวเองไปตั้งหลักหาแผนกำจัดเสี้ยนหนามหัวใจของหล่อนให้พ้นทางไปในเร็ววันนี้...

No comments:

Post a Comment