no right click


Monday, May 16, 2011

ตอนที่ 2. The First Journey Ever: ร่วมทาง แต่ไม่ร่วม (รัก)

ตอนที่ 2. The First Journey Ever: ร่วมทาง แต่ไม่ร่วม (รัก)

“ไม่อยู่เข้าหอที่นี่สักคืนสองคืนหรือเอิร์ธ”
คุณหญิงอรวราโน้มน้าวลูกชายที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาขนสัมภาระขึ้นรถกระบะขับเคลื่อนสี่ล้อคันใหม่เอี่ยม ตรงบริเวณโรงจอดรถ น้ำเสียงของท่านแสดงความเสียดายอย่างชัดเจน
หลังจากเลี้ยงฉลองงานแต่งงานเสร็จ เจ้าบ่าวป้ายแดงก็จัดแจงเตรียมเดินทางกลับเหมืองทันที โดยไม่คิดจะอยู่ให้ผู้ใหญ่ส่งตัวเข้าหอ หรือพักผ่อนให้หายเหนื่อยจากการลุยงานแต่งงานมาทั้งวัน
“คงไม่ได้หรอกครับคุณแม่ ผมทิ้งงานมาหลายวันแล้ว” คนเป็นห่วงงานให้เหตุผล
เพราะจำเป็นต้องพารถลงไปใช้งานในเหมืองเพิ่ม เขาจึงต้องขับรถกลับไปเหมืองที่อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราชด้วยตัวเอง ซึ่งเป็นระยะทางเกือบแปดร้อยกิโลเมตร และกินเวลาอย่างน้อยถึงสิบเอ็ดชั่วโมง
“น้องก็เหนื่อยแย่สิ เมื่อคืนก็ตื่นแต่เช้า นี่จะให้น้องนั่งรถนานๆ  อีก” มารดายังไม่เลิกกล่อมเสียงเศร้า
“ฝึกไว้ไงครับ ที่เหมืองก็ไม่ได้สบายเหมือนในเมืองกรุง”
อิศม์เดชก็มีเหตุผลของเขาเอง ทว่านี้ไม่ใช่เหตุผลที่แท้จริง นอกจากอยากกลับไปดูงานเร็วๆ แล้ว เขาแค่อยากเลี่ยงการถูกส่งตัวเข้าห้องหอไปอยู่กับเจ้าสาวแสนสกปรกของเขาตามลำพังต่างหาก
“ทำไมพูดแบบนั้นล่ะตาเอิร์ธ”
ท่านรู้ว่าบุตรชายไม่ได้เต็มใจกับการแต่งงานครั้งนี้ แต่ตอบตกลง เพราะไม่อยากขัดใจท่านอีกครั้ง
สีหน้าคนแก่ที่อยากเห็นบุตรชายของตัวเองกลับมาเป็นคนเดิม เป็นคนใจดี อ่อนโยนอีกครั้งนั้นเคร่งเครียดเหลือคณานับ ทั้งๆ ที่เพิ่งผ่านพิธีอันแสนสุขสันต์
“ความจริงครับคุณแม่ อีกอย่างผู้หญิงที่ผ่านอะไรมาเยอะอย่างมุกตาภา คงปรับตัวได้เร็ว คุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วงลูกสะใภ้ของคุณแม่หรอกครับ”
ชายหนุ่มอดแขวะเจ้าสาวตัวเองไม่ได้ ปลายเสียงเน้นหนักอย่างตั้งใจให้เจ้าตัวที่กำลังเดินถือกระเป๋ามาขึ้นรถได้ยิน ก่อนเดินหนีไปจัดของขึ้นรถ โดยไม่คิดจะช่วยภรรยาป้ายแดงของตนสักนิด


มุกตาภาที่อาบน้ำเปลี่ยนชุดไปอยู่เสื้อยืดตัวเล็กสีขาวคู่กับกางเกงยีนส์ขาสั้นเป็นที่เรียบร้อยแล้วสะดุดกึก อยากจะเปลี่ยนใจหันหลังหนี วิ่งไปขึ้นแท็กซี่กลับไปยังบ้านของตัวเอง แทนที่จะต้องร่วมทางไปกับสามีตามนิตินัยที่ไม่ชอบขี้หน้าเธอเลยสักนิด
เพราะตลอดงานเลี้ยงที่ผ่านมา การกระทำเมินเฉยและถ้อยคำดูถูกเย้ยหยันที่มีออกมาไม่ขาดสาย ก็เป็นเครื่องยืนยันได้เป็นอย่างดีว่า ความสัมพันธ์ของเขาและเธอมันเริ่มต้นที่ตรงจุดใด...
“อย่าถือสาพี่เขาเลยนะลูกมุก พี่เขาเคย เอ่อ จริงๆ พี่เขาไม่ได้เป็นแบบนี้หรอก”
คุณหญิงอรวราหันไปพูดกับลูกสะใภ้ซึ่งท่านหมายตามาแต่อ้อนแต่ออก เพราะเป็นลูกสาวของเพื่อนสนิทซึ่งคบหาสมาคมกันมาตั้งแต่สมัยเรียน
ท่านเกือบจะหลุดปากบอกถึงสาเหตุแห่งนิสัยเยี่ยงนี้ของลูกชายคนรอง ทว่าไม่อยากจะให้เธอต้องเป็นกังวลและคิดมากตั้งแต่วันแรกที่จะต้องร่วมหอลงโรงกัน
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ มุกเข้าใจค่ะ”
หญิงสาวเข้าใจในคำของผู้ใหญ่ดี เพราะได้ยินจากอรวรรญามาบ้าง ว่าอิศม์เดชเคยผิดหวังช้ำรักมาอย่างหนัก เลยทำให้กลายเป็นคนเย็นชา ยิ้มยากเช่นนี้
และมันเป็นอาการเดียวกับเธอชัดๆ แล้วชีวิตการแต่งงานของเธอกับเขาจะประสบความสำเร็จได้อย่างไร เธอยังมองไม่เห็นทาง
แต่ที่เธอไม่เข้าใจคือ ทำไมเขาถึงทำราวกับว่าโกรธเกลียดเธอยิ่ง แต่งงานแบบไม่เต็มใจ ก็ไม่จำเป็นส่งผ่านความเกลียดชังมาทางสายตาอย่างนี้ ยกเว้นเสียว่า เขาไปรู้อะไรมา หัวใจของเธอเบาหวิวทันทีเพียงแค่ได้คิด
“แม่จะไปเยี่ยมที่เหมืองนะ จะไปดูว่าตาเอิร์ธรังแกลูกมุกหรือเปล่า”
ท่านบอกความตั้งใจ เพราะอยากไม่อยากให้ทั้งคู่แต่งงานกันแต่ในนามเท่านั้น ท่านถึงต้องไปดูให้เห็นกับตา
“แล้วถ้าพี่เขาจะนอนแยกห้องกับลูกมุก อย่าไปยอมนะ แม่อยากเห็นหลานเร็วๆ แล้วถ้าพี่เขาใจร้าย โทรมาบอกแม่นะ แม่จะลงไปจัดการให้”
คนที่ไม่เคยเลิกเห่อหลานเอ่ยในสิ่งที่ทำให้เกิดเลือดฝาดบนใบหน้าคนฟัง จนเธอต้องก้มหน้างุด
ของอย่างนี้มาสั่งเธอคนเดียวคงไม่สำเร็จหรอก แต่ถ้าเขาอยากแยกห้องจริงๆ ก็ดีสิ เพราะเธอก็ไม่อยากเปลืองตัวไปกับคนที่ไม่รักกันเหมือนกัน
“คะ...ค่ะ คุณแม่” ทว่าเธอก็ต้องรับคำอย่างเสียไม่ได้
“ผมไปนะครับคุณแม่ ไม่อยากไปถึงที่โน่นสายน่ะครับ”
เสียงทุ้มของคนที่เงี่ยหูฟังอยู่โพล่งออกมาเพื่อตัดหัวข้อสนทนา ก่อนเดินมากราบลาผู้เป็นมารดา แล้วเงยหน้าขึ้นมองหน้าขาวใสไร้เครื่องสำอางของมุกตาภา
ตั้งแต่เลิกรากับภรรยาเก่า เขาก็ไม่เคยนอนร่วมเตียงกับผู้หญิงคนไหนอีก จะมีก็พักผ่อนอารมณ์ตามประสาผู้ชายที่ยังมีเลือดมีเนื้อ มีความต้องการ ทว่ายังไม่เคยมีใครได้นอนเคียงข้างเขาจนถึงเช้าสักราย
และมันก็จะรวมไปถึงผู้หญิงสกปรกคนนี้ด้วย...
“ค่ะ งั้นมุกไปแล้วนะคะคุณแม่”
หญิงสาวยกมือไหว้ลาผู้ใหญ่ด้วยความนอบน้อม ก่อนเดินหัวใจห่อเหี่ยวไปนั่งเคียงคู่กับสามีที่ขึ้นมานั่งบนฝั่งคนขับ แล้วออกรถไป โดยไม่คิดหันมามองหน้า หรือพูดคุยอะไรกับเธอสักคำ
เป็นการเริ่มต้นการเดินทางร่วมกันครั้งแรกอย่างคู่สามีภรรยา...ที่เต็มไปด้วยความหมางเมิน ไม่มีรักให้กัน...
หนทางข้างหน้าช่างมืดมนสำหรับพวกเขาเสียเหลือเกิน...

เวลาเกือบเที่ยงคืน รถขับเคลื่อนสี่ล้อแล่นอยู่บนถนนเพชรเกษม มุ่งสู่จังจังหวัดนครศรีธรรมราช แสงไฟสลัวๆ สลับกับแสงไฟเจิดจ้าของรถที่ขับสวนมาเป็นครั้งคราวชวนให้ร่างกายเหนื่อยอ่อนของมุกตาภาหลับไปได้อย่างง่ายๆ ทว่าอาการปวดปัสสาวะก็ไม่อาจทำให้เธอข่มตาหลับอย่างเป็นสุขได้
สามีหนุ่มที่ทำหน้าตาเคร่งขรึมและไร้ซึ่งคำพูดใดๆ ตลอดระยะเวลาเกือบสามชั่วโมงนั่นก็ยิ่งทำให้คนที่อยากเข้าห้องน้ำไม่กล้าที่จะเอ่ยปากบอก ทว่าเมื่อทนไม่ไหวเข้าจริงๆ เธอจึงต้องเอ่ยปากขอ
คะ คุณเอิร์ธคะ มุกขอเข้าห้องน้ำเดี๋ยวเดียวได้ไหมคะ
ด้วยความกล้าๆ กลัวๆ น้ำเสียงหวานนั้นจึงเบายิ่งนัก จึงทำให้คนที่กำลังตกอยู่ในภวังค์ความคิดของตัวเอง รวมทั้งกำลังใจจดใจจ่อต่อการขับรถอย่างระมัดระวัง เพราะมีจำนวนรถบรรทุกและรถพ่วงจำนวนมากมายแล่นขวักไขว่อยู่บนเส้นทางเดียวกันในยามนี้ อิศม์เดชจึงไม่ได้ยินเสียงที่ไม่ต่างกับเสียงกระซิบของภรรยาตัวเองสักนิด
ใบหน้างามบึ้งตึงหันเสี้ยวหน้ามองสามีด้วยความน้อยใจ พร้อมตัดพ้อเขาอยู่ในใจ
ขอเข้าห้องน้ำแค่นี้ไม่ได้ จะใจร้ายกับเธอไปถึงไหน ถึงจะเกลียดเธอยังไง ก็ไม่สมควรจะใจร้ายกับเธอแบบนี้..
แล้วนี่เธอไปอยู่กินฉันท์สามีภรรยากับเขาอยู่ที่บ้านป่าเมืองเถื่อนอีก น้ำตามุกตาภาตกอยู่ในอกตรม
ถึงเธอจะใช้ชีวิตอยู่ในเมืองมาตลอด แต่ก็ใช่ว่าเธอจะทนลำบากไม่ได้ ดีเสียอีก ไปให้ไกลๆ สิ่งแวดล้อมเดิมๆ ผู้คนเดิมๆ และได้พบเจอกับสิ่งใหม่ๆ คนใหม่ๆ ถึงแม้ว่าคนที่เธอจะต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วย จะไม่ได้อยากรู้จักมักจี่กับเธอนักก็เถอะ
ร่างเล็กจึงนั่งหันหลังให้เขา เอาหัวซุกอยู่ตรงช่องระหว่างเบาะกับกระจกรถอย่างข่มขืนใจ อดกลั้นอารมณ์และความเจ็บปวดของเธอเอาไว้
ทว่าน้ำที่ล้นกระเพาะปัสสาวะอยู่ก็ไม่อาจทำให้เธอนั่งนิ่งได้นาน ร่างเล็กนั่งยุกยิก กระสับกระส่ายไปเรื่อย เพราะปวดจนแทบทนไม่ไหว
อิศม์เดชเห็นร่างเล็กนั่งบิดไปบิดมาจากทางหางตา ก็ไม่ได้ให้ความใส่ใจอะไรนัก แต่เมื่อเห็นว่าร่างเล็กยังไม่เลิกทุรนทุรายไม่พอ ยังมีเสียงครางเล็กลอดออกมาร่วมด้วย
เป็นอะไร เขาถามด้วยเสียงห้วนๆ หันมองร่างเล็กที่ยังงอตัวเข้าด้วยกัน
มุกปวดห้องน้ำค่ะ เธอเงยหน้าขึ้นมาบอก ใบหน้างามเหยเก
แล้วทำไมไม่บอก กลัวพิกุลจะร่วงหรือไง
นายเหมืองสุดโหดตะคอกถามกลับไม่พอ ยังกระแหนะกระแหนตามมาด้วย
หญิงสาวสูดหายใจเข้าเต็มปอด กัดกลีบปากอิ่มเอาไว้อย่างข่มความรู้สึก
บอกแล้วค่ะ แต่คุณเอิร์ธไม่ได้ยิน
แล้วทำไมไม่บอกอีกครั้ง เขายังไม่เลิกกวนโทสะ
มุกตาภาตัวสั่น ด้วยทั้งความโกรธและด้วยจำนวนของเหลวมากมายในร่างกาย
คุณเอิร์ธช่วยแวะปั๊มให้มุกหน่อยได้ไหมคะ มุกปวดฉี่
เธอบอกอย่างชัดถ้อยชัดคำ อย่างที่เขาอยากได้ยิน ก่อนสะบัดใบหน้างามหนีไปมองนอกรถ เขาจะแวะปั๊มให้เธอหรือไม่ก็คงแล้วแต่คนใจร้ายอย่างเขาจะพิจารณา
คนฟังแสยะยิ้มเยาะ อวดดีไม่เบา จะดูสิว่าจะเป็นอย่างนี้ไปได้สักกี่น้ำ
นี่ถ้าไม่กลัวว่ารถคันใหม่ของฉันจะเหม็นของเสียตั้งแต่ยังไม่ทันถึงเหมือง ฉันจะไม่แวะปั๊มให้เธอหรอกมุกตาภา
อิศม์เดชแขวะเสียงลอดไรฟัน ก่อนเร่งคันเร่ง แล้วเลี้ยวรถแวะเข้าปั๊มให้มุกตาภา ซึ่งกำลังมองเขาผ่านม่านน้ำตาตัวเองอยู่ด้วยความน้อยใจ...

มุกตาภาผ่อนลมอย่างแรง พลางเดินตัวเบาออกมาจากห้องน้ำภายในจุดพักรถขนาดใหญ่ที่อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันท์ ซึ่งมีทั้งปั๊มน้ำมัน สวนอาหาร และร้านขายของฝากมากมาย เท้าเล็กๆ บนรองเท้าผ้าใบสีขาวซอยเร็วๆ กลับไปที่รถ ก่อนที่สามีของตนจะโกรธเคืองไปมากกว่านี้...
แต่ของฝากหน้าตาน่าทานเป็นจำนวนมาก และท้องที่ร้องดังครืนครานเพราะยังไม่ได้ทานอะไรเป็นชิ้นเป็นอันมาตั้งแต่เช้า ก็ทำให้หญิงสาวเปลี่ยนเป้าหมาย เดินไปหาซื้อของกินรองท้องแทน รวมทั้งจับจ่ายซื้อของฝากไปฝากคนที่เหมืองด้วย
ถึงจะไม่เคยรู้จักกัน แต่ไม่ใช่ว่าไม่สมควรแสดงน้ำใจไมตรีให้แก่กัน...
รวมทั้งหาซื้อของใช้จำเป็นสำหรับการขับรถไกลๆ ให้กับสามีป้ายแดงด้วย ถึงเขาจะโกรธเกลียดเธอ ด้วยสาเหตุอันใดเธอก็ไม่รู้ หรือจะเป็นเพราะเหตุผลเดียวที่เธอคาดเดาอยู่ในใจ เธอก็ขอทำดีผูกมิตรกับเขา เพราะถึงยังไงแล้ว พวกเขาก็ต้องใช้ชีวิตร่วมกันไปอีกนานหรือเพียงแค่ช่วงเวลาสั้นๆ เธอก็ยังไม่รู้...
ร่างเล็กที่เดินอย่างทุลักทุเลกลับมายังรถเพราะมีถุงของฝากเต็มไม้เต็มมือก็อดทำให้อิศม์เดชอดพูดกระทบกระเทียบอีกไม่ได้
กลัวไม่มีอะไรจะกินที่เหมืองหรือยังไง มือหนาก็ยกบุหรี่ในมือขึ้นสูบ พ่นควันฉุยๆ
ถึงแม้ที่ตั้งของเหมืองอยู่ไกลตัวเมืองหรือชุมชนที่อยู่อาศัย แต่ก็มีเครื่องอำนวยความสะดวกครบครัน เจ้าของเดิมที่เขารับซื้อเหมืองแห่งนี้ต่อเมื่อห้าปีที่แล้ว ไม่ต้องการสร้างมลภาวะสิ่งแวดล้อมจากฝุ่นและจากเสียงที่เกิดจากการระเบิดหินให้กับชาวบ้าน จึงเลือกขอสัมประทานงานไกลตัวเมืองโขอยู่
และเขาเองก็พัฒนาชุมชนภายในเหมืองให้เจริญและทันสมัยอยู่ตลอดเวลา จนคนงานส่วนใหญ่แทบไม่ต้องออกมาไปหาซื้ออะไรในตัวเมืองกันเลย
มุกซื้อไปฝากคนที่โน่นค่ะ แม้จะสะดุ้งกับคำถามของเขา แต่เธอก็เลือกตอบดีๆ
รู้จักกันหรือ ถึงขนไปแจกกันมากมาย
คนมันไม่ชอบหน้ากันตั้งแต่แรกเห็น ก็หาเรื่องแดกดันได้ตลอด
ยังไม่รู้จัก แต่ก็ต้องรู้จักกันไม่ใช่หรือคะ
ที่นั่นมีผู้ชายเยอะเสียด้วยสิ ผู้หญิงอย่างเธอก็คงอยากจะทำความรู้จักแต่กับผู้ชายอยู่แล้ว
คนมีอคติเยาะเย้ยออกมาทั้งทางหน้าตาและคำพูด
คุณเอิร์ธหมายความว่ายังไง แล้วทำไมมุกต้องอยากรู้จักแต่ผู้ชายด้วย
เธอสวนกลับอย่างเหลืออด ใจจริงอยากจะใจเย็นและสะกดอารมณ์โกรธเคืองของตนเอาไว้ เพราะได้รับคำเตือนปนคำขอร้องมาตลอด ว่าผู้ชายตรงหน้านั้นไร้หัวใจไม่พอ ยังมีแผลเป็นเหวอะหวะจากความรัก แต่ไม่อยากจะอยู่เป็นเป้านิ่งให้เขาแดกดันไม่จบไม่สิ้น
และเธอเองก็เจ็บจากความรัก ไม่ต่างกับเขา ทางที่ดี เขาและเธอควรจะช่วยกันรักษาบาดแผลทางใจให้กันและกัน ไม่ใช่จ้องจะกินเลือดกินเนื้อตั้งแต่ยังไม่ทันข้ามวันแต่งงาน
ก็หมายความว่าผู้หญิงอย่างเธอ คงชอบทำความรู้จักกับผู้ชาย โดยเฉพาะกับพวกที่มีเจ้าของแล้ว
อิศม์เดชเย้ยหยัยเสียงทุ้มต่ำ ทิ้งก้นบุหรี่ที่ยืนสูบขณะรอหญิงสาวไปจัดการธุระลงขยี้อย่างแรง ก่อนเดินกลับขึ้นรถได้ไม่สนใจช่วยหิ้วของของในมือเธอเลยสักนิด
คำพูดถากถางกรีดลึกเข้าตรงขั้วหัวใจ น้ำตาแห่งความเจ็บช้ำไหลรินผ่านร่องแก้มของมุกตาภา
เขาพูดราวกับว่าเขารู้ว่าอะไรเป็นอะไร
มุกตาภาสะอื้นไห้จนตัวโยน นี่เธอต้องใช้ชีวิตร่วมกับผู้ชายที่เกลียดเธอตั้งแต่แรกพบไม่พอ ยังรู้ว่าร่างกายของเธอนั้นมีราคีคาวปะปนอยู่มากน้อยเพียงใด และดูท่าแล้ว เขาคงรังเกียจมันอย่างเหลือคณานับ
หนีเสือปะจระเข้ชัดๆ มุกตาภาทอดถอนใจ
ของฝากในมือถูกจัดแจงใส่ไว้ท้ายรถกระบะ มือน้อยยกขึ้นปาดไล่น้ำตาทิ้งให้หมด ไม่อยากให้เขาต้องมาดูแคลนถึงความอ่อนแอของตนอีก จากนั้นร่างเล็กจึงผลุบตัวเองเข้าไปนั่งในรถ แล้วเจ้าของรถก็ขับกระชากไปอย่างรวดเร็ว ตามกระแสอารมณ์ที่เดือดพล่านอยู่ภายในใจของเขา...

รถยนต์คันเดิมยังขับเคลื่อนไปบนถนนอย่างรวดเร็ว เพราะคนขับต้องการทำเวลาให้ดีที่สุด การพูดคุยระหว่างผู้โดยสารภายในรถจึงเกิดขึ้นกันเพียงน้อยนิด หรือเท่าที่จำเป็น
มุกตาภาลอบหันหน้าไปสำรวจใบหน้าคมของสามีตัวเองบ่อยครั้ง ใบหน้าคมคล้ามที่ซ่อนตัวอยู่ภายใต้หนวดเครานั้นหล่อเหลาอย่างร้ายกาจ ทำไมผู้ชายหน้าตาดีและฐานะไม่เป็นสองรองใคร ถึงได้ผิดหวังกับความรักจนกลายเป็นคนเย็นชาได้ถึงขนาดนี้
และถึงรู้แล้วว่าเขาเกลียดชังเธอด้วยเรื่องใด แต่น้ำใจของผู้หญิงอย่างมุกตาภาก็เหลือล้น จนทำให้เธอไม่ใส่ใจความบาดหมางที่เกิดขึ้น ถุงของกินที่เธอซื้อมาฝากเขาโดยเฉพาะจึงถูกหยิบขึ้นมาจากเบาะด้านหลัง
มะ มุก เอ่อ มุกซื้อของกินมาเยอะแยะเลย คุณเอิร์ธอยากทานอะไรหรือเปล่าคะ แซนวิช ไส้กรอก ลูกชิ้นปิ้ง มีกาแฟด้วยนะคะ น้ำเปล่าก็มีค่ะ
เสียงหวานเจื้อยแจ้ว มือบางยกของที่ตัวเองพูดขึ้นโชว์ชิ้นแล้วชิ้นเล่า ทำตัวเป็นเป็นเพื่อนร่วมทางที่ดีให้กับสามีหน้าโหดของตัวเอง
อิศม์เดชหันหน้ามามองคนพูด ตั้งใจจะถากถางเธอไปตามประสาเขา ทว่าดวงตากลมโตใสแป๋วจ้องมองเขาอย่างรอคำตอบ อดทำให้คนเห็นสะดุดกึก พลางคิดเสียดายความบริสุทธิ์ที่ทอประกายอยู่ในแววตาของเธอไม่ได้
เขาต้องยอมรับว่ามารดาเลือกผู้หญิงได้ถูกใจเขาไม่น้อยเลย รูปหน้าเรียวเป็นรูปไข่ สวยโดดเด่นแม้ในยามไร้ซึ่งเครื่องตกแต่ง ดวงตากลมโตซ่อนอยู่ภายใต้แพขนตางามงอน แก้มใสของเธอก็สีชมพูเรื่อ จมูกก็โด่งสวยรับกับกลีบปากอิ่มเป็นกระจับ
ที่สำคัญดูแล้วเป็นผู้หญิงใจเย็นไม่เบา ไม่งั้นคงทะเลาะกับเขาจนรถแตกไปแล้ว ออกจะเป็นคนไม่เรื่องมาก กินอยู่ได้อย่างง่ายๆ เห็นได้จากตอนนี้ที่เธอกำลังกินลูกชิ้นปิ้งในมืออยู่อย่างเอร็ดอร่อย
ทว่าภาพที่เขาได้ประจักษ์กับตาตัวเอง ก็วนเวียนเข้ามารบกวนจิตใจเขาตลอดเวลา และมันก็ทำให้ข้อดีของเธอไม่มีเหลืออยู่ในความคิดของอิศม์เดชเลย
เดี๋ยวก็โดนไม้เสียบลูกชิ้นเสียบคอทะลุ เขาเตือน เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายงับลูกชิ้นออกจากไม้แหลมๆ นั้น โดยไม่คำนึงว่านั่งอยู่บนรถซึ่งอาจเกิดการเบรกขึ้นมาได้อย่างไม่คาดฝัน
คนที่มีลูกชิ้นเต็มปากรีบเคี้ยวๆ แล้วกลืนลงคอด้วยความรวดเร็ว คว้าขวดน้ำขึ้นดื่มเพื่อช่วยไล่อาหารลงคอไปด้วย
ก็มุกหิวนี่คะ วันนี้ทั้งวันได้กินนมหนึ่งกล่องกับคุกกี้สองสามชิ้น
หิวก็กินช้าๆ ก็ได้ ฉันไม่อยากแวะโรงบาล เสียเวลา
มุกตาภาหน้ามุ่ย คนอะไรก็ไม่รู้ ปากคอเราะร้ายยิ่งกว่าผู้หญิงอย่างเธอเสียอีก ถ้าวาจาของเขาเปรียบดังใบมีดโกน เนื้อตัวของเธอคงมีแผลเต็มตัวไปแล้ว
และถ้าจะต้องไปโรงพยาบาลจริง คงเป็นเพราะโดนคำพูดของเขานั่นแหละเสียดแทง...
คุณเอิร์ธจะดื่มกาแฟหน่อยไหมคะ มุกมีผ้าเย็นด้วย ยังเย็นอยู่เลยค่ะ เช็ดหน้าน่อยนะคะจะได้สดชื่น เธอเสนออย่างใจเย็นๆ ดั่งผ้าเย็นในมือ พลางแกะซองผ้าเย็นส่งให้เขาโดยไม่รอคำตอบ
อิศม์เดชรับมาอย่างขอไปที ก่อนเช็ดไปตามใบหน้าและลำคอของตัวเอง ซึ่งก็ทำให้สดชื่นอย่างที่คนซื้อมาฝากบอกไว้จริงๆ ก่อนยื่นผ้าเย็นคืนให้เธอ
ขอบใจ อย่างน้อยเขาก็มีคำพูดที่ทำให้คนฟังยิ้มได้บ้าง
ดื่มกาแฟสักนิดนะคะ จะได้ไม่เผลอหลับ เธอบอกเสียงใส พลางยื่นกระป๋องกาแฟไปตรงหน้าเขา ขับรถนานๆ ในเวลากลางค่ำกลางคืนแบบนี้ ต่อให้ชำนาญแค่ไหน ก็อาจเผลอหลับไปได้
คนทำงานหนักอย่างฉันแค่กาแฟมันเอาไม่อยู่หรอก
เขาบอกไปตามตรง ตลอดห้าปีที่ลุยงานอย่างหนักที่เหมือง พลิกเหมืองที่กำลังขาดทุนย่อยยับ จนกลายเป็นเหมืองหินปูนมีกำลังผลิตในอันดับต้นๆ ของประเทศ และทำรายได้สูงสุดภายในภูมิภาค ทุกสิ่งทุกอย่างต้องแลกกับหยาดเหงื่อแรงงานไม่ใช่น้อย ถึงจะหนักหนา แต่เขาก็มีความสุขกับอาชีพนี้
และทั้งหมดนี้ ก็ต้องยกความดีให้กับหัวหน้าคนงานที่กลายมาเป็นเพื่อนคู่ทุกข์คู่ยากอย่างเมืองแมน ซึ่งช่วยเหลือและร่วมฝ่าฝันอุปสรรคกันจนมีวันนี้ร่วมกัน จนเขายกหุ้นถึงสามสิบเปอร์เซ็นต์ให้เพื่อนรักไปดูแลด้วย
ละ แล้วต้องทานอะไรล่ะคะ
ใบกระท่อม นายเหมืองหนุ่มตอบหน้าตาย  
ใบกระท่อมเป็นสิ่งเสพติดเป็นสิ่งเสพติดกลุ่มเดียวกับยาบ้า ซึ่งออกฤทธิ์กดความรู้สึกเมื่อยล้าขณะทำงาน สามารถทำงานได้นานและทนมากขึ้น รวมทั้งทนต่อความร้อนมากขึ้นด้วยเช่นกัน ส่งผลให้คนเสพใบกระท่อมสามารถทำงานกลางแจ้งได้ทนนานขึ้น คนงานในเหมืองจึงนิยมใช้กันของพวกนี้กันเป็นจำนวนมาก
และถึงแม้ว่าของพวกนี้จะหาได้อย่างง่ายๆ แต่เขาก็สั่งห้ามไม่ให้ลูกน้องเอามาใช้เป็นเครื่องชูกำลัง เพราะโทษของมันมีมหันต์และมีผลเสียต่อสุขภาพยิ่งนัก
หา!! อะไรนะคะ คนฟังถามซ้ำอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง ดวงตาโตเบิกโพลง อ้าปากค้าง
ใบกระท่อม
เขาย้ำอีกครั้ง อดอมยิ้มกับท่าทีแสนใสซื่อของอีกฝ่ายไม่ได้
อะไรจะเชื่อคนได้ง่ายขนาดนี้ เขาไปอยู่กรุงเทพตั้งหลายวัน แล้วจะไปหาของพวกนี้มาจากไหน แล้วเมื่อกี้ตอนที่หญิงสาวไปช้อปปิ้งซื้อของฝากอยู่ เขาก็แวะไปซื้อเครื่องดื่มบำรุงกำลังดื่ม ให้ตัวเองตาสว่างเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
อิศม์เดชแค่อยากจะแกล้งภรรยาตัวเองเท่านั้น และดูท่าแล้วยัยคนนี้จะหลอกได้ง่ายเสียด้วยสิ
มะ มันเป็นยาเสพติด ไม่ใช่หรือคะ
ก็ใช่ไง ทำงานหนัก เลยต้องกินของพวกนี้ พอกินไปมากๆ ก็เลยติด
นายเหมืองหนุ่มรู้สึกสนุกกับการปั้นน้เป็นตัวอย่างที่ไม่เคยได้ทำกับใคร ตั้งแต่เกิดเรื่องชีช้ำรักขึ้น
ตะ ตำรวจไม่จับหรือคะ
อีกหนึ่งคำถามแสนซื่อที่ทำให้อิศม์เดชต้องยิ้มออกมา
ตำรวจไม่เข้ามาในเหมืองฉันหรอก มันไกล จนกลายเป็นเมืองเถื่อนไปแล้ว
เหงื่อซึมเม็ดเล็กๆ ซึมออกมาตรงไรผมของมุกตาภา ความกลัวแล่นมาเกาะกุมหัวใจ อยู่กับคนไร้หัวใจในเมืองไร้กฏหมาย แล้วถ้าเขาไม่อยากจะเอาชีวิตเธอไว้ เขามิฆ่าเธอฝังอยู่ใต้เหมืองของเขาหรือ
เปลี่ยนใจขอลงกลางทาง แล้วโบกรถกลับเข้ากรุงเทพดีไหมนี่ มุกตาภาคิดอย่างอ่อนอกอ่อนใจ
ทำไม กลัวหรือ นายเหมืองโหดถามเข้าตรงจุด แววตาไหวระริก กับร่างเล็กสั่นเทา ก็พอจะเป็นคำตอบได้อยู่แล้ว แล้วมันก็ยิ่งทำให้เขาได้ใจ
ไม่ต้องกลัวหรอก ปกติฉันไม่ฆ่าใครโดยไม่มีเหตุผลหรอก นอกเสียจากเธอมีความเลวอะไรซ่อนอยู่
คนฟังเสียวสันหลังวาบ หายใจไม่ทั่วท้อง ขู่เธอไว้แบบนี้จะไม่ให้เธอกลัวได้ยังไง
คนบ้า ใจร้ายไม่พอ ยังชอบทำทารุณกรรมอีก มุกตาภาสะอื้นไห้อยู่ในใจ รู้แบบนี้ไม่ตอบตกลงกับคนเถื่อนอย่างเขาหรอก
และเพราะกลัวว่าสามีหนุ่มจะฆ่าเธอทิ้งไปจริงๆ มุกตาภาจึงทำดีเขายิ่งขึ้นไปอีก ชวนพูดชวนคุยไปเรื่อย เปิดวิทยุให้ฟังจะได้ไม่เบื่อ เอานู่นเอานี่ป้อนให้เขารับประทาน อิศม์เดชก็หนักไปทางเงียบใส่หญิงสาวเสียโดยมาก หรือถ้าจะพูดอะไรออกมา ก็เป็นเชิงเย้ยหยันเสียทุกครั้งไป
ชายหนุ่มมารู้ตัวอีกที ก็เมื่อเสียงแจ้วๆ นั่นเงียบหายไป จึงหันหน้ามอง ก็พบว่าหญิงสาวนั้นหลับปุ๋ยไปแล้ว อิศม์เดชส่ายใบหน้าคมและยิ้มอย่างเอ็นดูออกมาโดยไม่รู้สึกตัว
ภาพหญิงสาวที่นอนคอพับคออ่อนอยู่บนพนักเก้าอี้ ก็ทำให้อิศม์เดชต้องเลี้ยวรถเข้าจอดข้างทาง เพื่อปรับเบาะให้หญิงสาวได้นอนหลับสบายๆ อย่างอดเสียไม่ได้
หลังจากขึ้นเบรกมือของรถยนต์เรียบร้อยแล้ว อิศม์เดชก็โน้มตัวพร้อมกับเอื้อมมือผ่านร่างเล็กที่นอนขดตัวเงยซีกหน้าโชว์แก้มใสอยู่ แล้วในจังหวะที่เขาโน้มใบหน้าคมไปมองหาปุ่มปรับพนักเก้าอี้ จมูกโด่งก็แตะกับแก้มของคนหลับลึกโดยบังเอิญ
เป็นอีกครั้งที่อิศม์เดชรู้สึกราวกับโดนไฟฟ้าช็อต... ยามที่จมูกจรดตรงแก้มนวลของเธอ
กลิ่นหอมละมุนรัญจวนใจที่ยังตราตรึงอยู่ตรงปลายจมูก ประกอบกับกลิ่นเนื้อสาวที่เขาเพิ่งสูดดมไปอีกครั้งโดยไม่ได้ตั้งใจ เป็นเครื่องยืนยันถึงความหอมหวานของเจ้าของพวงแก้มนุ่มได้เป็นอย่างดี
คนติดใจในรสหวานห้ามตัวเองไม่ให้สูดกลิ่นเนื้อนางเข้าไปเต็มปอดอีกครั้งไม่ได้ และดูท่าแล้ว แค่แก้มสาวคงไม่เพียงพอต่อความต้องการที่ก่อตัวขึ้นเป็นริ้วๆ และเขาก็ห้ามตัวเองไม่ได้เสียด้วย ซึ่งผิดวิสัยคนเย็นชาเยี่ยงเขาเหลือเกิน
เรียวปากอุ่นจนร้อนที่แนบอยู่กับพวงแก้มนุ่มค่อยๆ เลื่อนต่ำลงมา โดยมีเป้าหมายเป็นกลีบปากอิ่มแสนยั่วยวนและเขามั่นใจว่า มันคงหอมหวานไม่ต่างกับแก้มที่เขาได้ลิ้มรสไปหลายคราแล้วในวันนี้
แล้วในอีกเพียงเสี้ยววินาทีที่กลีบปากสีชมพูหวานเกือบจะโดนเชยชมด้วยริมฝีปากร้อนผ่าว อิศม์เดชก็รู้สึกตัวขึ้นมาเสียก่อน มนต์ขลังของความหอมกรุ่นถูกปัดเป่าให้หายไป...ไม่ต่างกับโดนพายุไต้ฝุ่นพัดถล่ม
ใบหน้าคมผงะออกมาจากดวงหน้าหวานราวกับโดนดีดด้วยสปริง กรามแกร่งถูกขบเข้าหากันอย่างข่มอารมณ์ความรู้สึกของตัวเอง มือหนาเอื้อมไปจัดการปรับเบาะให้กับหญิงสาวให้เรียบร้อย พร้อมทั้งคว้าผ้าห่มจากเบาะด้านหลังมาให้ให้กับร่างเล็กที่ห่อตัวคุดคู้เพราะความหนาวเย็นอยู่ด้วย
สายตาคมกริบสำรวจใบหน้างามหวานล้ำตรงหน้าด้วยความรู้สึกสับสนในใจ ไม่เข้าใจความรู้สึกของตัวเองในยามนี้ อิศม์เดชใช้ปลายนิ้วเขี่ยไรผมที่ตกลงมาปกข้างแก้มให้เธออย่างอ่อนโยน อย่างที่เขาไม่ได้ทำให้หญิงใดมานานแล้วเหลือเกิน
ยกเว้นกับคนรักเก่านามว่า ซาแมนต้า ผู้หญิงที่พร่าความดีงามออกไปจากชีวิตของเขาจนหมดสิ้น
และผู้หญิงตรงหน้าก็คงไม่มีความดีงามอะไรเหลืออยู่ในตัว ให้เขาได้ชื่นชมสมหวังเช่นกัน...
บ้าฉิบ
อิศม์เดชก่นด่าตัวเอง ที่ปล่อยให้รูปและกลิ่นของเธอมามีอำนาจเหนือจิตใจแสนแข็งแกร่งของตน จนเกือบทำในสิ่งที่เขาจะต้องมาเสียใจภายหลังได้
หลังจากสลัดความคิดฟุ้งซ่านทิ้งไปได้ ชายหนุ่มก็ตั้งหน้าตั้งตาขับรถกลับไปยังเหมืองของตัวเองด้วยความรวดเร็ว...

No comments:

Post a Comment