no right click


Friday, July 15, 2011

ตอนที่ 3. Suspicious Behavior II: เริ่มงาน บานปลาย กลายพันธุ์ ผันแปร-- 109.99%

ตอนที่ 3. Suspicious Behavior II:  เริ่มงาน บานปลาย กลายพันธุ์ ผันแปร



“ตายๆ สายไปห้านาทีแล้ว”
รินรดาบ่นระงมอย่างเป็นกังวลอารมณ์ของคนหน้ายักษ์ พลางซอยเท้าเร็วๆ มุ่งหน้าไปห้องทำงานสุดหรูของเจ้านายร่างใหญ่ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อไปรายงานตัวทุกๆ สามชั่วโมงตามที่ได้คำสั่งมาเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว และเธอก็ทำตามได้อย่างไม่มีขาดตกบกพร่องทั้งหน้าที่รายงานตัวและหน้าที่ประจำของตัวเอง
รวมทั้งงานสปายของเธอด้วย ยิ่งได้เจอเขาบ่อยได้เท่าไหร่ เธอก็ยิ่งเก็บข้อมูลของเขาได้มากเท่านั้น
หน้าที่ของเธอก็ไม่มีอะไรมาก เพียงแค่คอยตามสืบพฤติกรรมของคุณชายคาร์รีม ว่าเขาออกไปไหนกับสาวคนไหนบ้าง หรือพาสาวที่ไหนมามั่วอยู่ที่ทำงานบ้าง
และเขาก็มั่ว...อย่างที่เธอเคยว่าเขาไว้จริงๆ เพราะนอกจากสองสาวที่เธอเคยเจอแล้ว เมื่ออาทิตย์ก่อนเขาก็ควงอยู่กับแหม่มมะกันราเชล ส่วนเมื่อวาน สาวที่เขาหิ้วมาที่นี่ด้วยกลับเป็นสาวหมวยขาวอึ๋มจากแดนโสม วันนี้จะเป็นใครเธอก็ไม่อาจคาดเดาในความมักมากมากรักของเขาได้
ไม่รู้ว่าพวกผู้หญิงทั้งหลายทนยอมเป็นเพียงแค่คู่นอนของเขาได้ยังไงกัน
ที่สำคัญ ตาลุงนั่นคิดจะเอาคนบ้ากามไปแต่งงานกับลูกสาวตัวเองทำไมก็ไม่รู้ ไม่กลัวลูกสาวตัวเองจะช้ำใจตายหรือไง...
รินรดาวิจารณ์เจ้านายทั้งสองคนของเธอพลางซอยเท้าอย่างเร็ว และด้วยความเร่งรีบและเคยชิน รินรดาที่พอเคาะประตูหน้าห้องปุ๊บก็เปิดประตูห้องเข้าไปปั๊บ แล้วร่างเล็กที่โผล่พรวดพราดเข้ามาก็ต้องยืนแน่นิ่งแข็งทื่อกับภาพที่ปรากฏตรงหน้า

เพราะเจ้านายหนุ่มของเธอกำลังก้มหน้ารูดซิปกางเกงสแล็ค เสื้อเชิ้ตสีดำที่ชายเสื้อหลุดลุ่ยอยู่นอกกางเกงก็ถูกปลดกระดุมตลอดแนว เสื้อผ้ายับยู่ยี่ ผมเผ้ายุ่งเหยิง ฝ่ายผู้หญิงก็อยู่ในชุดชั้นในสีแดงเพลิง และกำลังล้วงอกอวบดันอิ๋มอยู่พอดิบพอดี...
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าสองคนนี้ทำกิจอะไรกันก่อนหน้าที่เธอจะโผล่เข้ามา และความรู้สึกของเธอตอนนี้ ไม่ต่างจากการวิ่งทะเล่อทะล่าเข้าไปยังเซ็ทถ่ายหนังโป๊ที่ผู้กำกับเพิ่งสั่งคัท...
“ขะ ขอโทษค่ะ” คนกำลังตาค้างร้องบอก พลางหันหลัง แล้วสาวท้าวหนี ทว่าก็โดนเสียงทุ้มห้ามเอาไว้
“รินรดา ไม่ต้องออกไป เพราะฉันเสร็จธุระแล้ว”
คำสั่งของเขาหยุดร่างเล็กเอาไว้ รินรดาที่หน้าแดงโดยไม่ทราบสาเหตุกลอกตาอย่างเซ็งจัด ก่อนหันหลังมาทางเจ้านาย แต่ก็ก้มหน้าก้มตาเอาไว้ เพราะยังไม่อยากมองคู่ดาราหนังสดนั่นเอง
คาร์รีมเองก็ตกใจไม่แพ้กันที่จู่ๆ หญิงสาวก็พรวดพราดเข้ามา แต่ก็เพียงแวบเดียวเท่านั้น ก่อนจะเปลี่ยนเป็นขำขันเมื่อเห็นท่าทีราวกับเห็นผีของอีกฝ่าย
“ไว้เจอกันนะครับ” เจ้าของห้องหันมาคุยกับราเชล ที่ตอนนี้หยิบเดรสสั้นสีแดงขึ้นมาสวมเรียบร้อยแล้ว
“ไม่เป็นไรค่ะ ถ้าดาร์ลิ้งอยากเจอ ต่อให้เรชงานยุ่งแค่ไหน ก็จะมาหาดาร์ลิ้งค์ให้ได้ค่ะ”
ราเชลเอ่ยอย่างประจบสอพลอ ร่างอิ่มก็โผเข้ากระแซะหาร่างใหญ่ หอมแก้มเขาซ้ายขวาอย่างออดอ้อนเอาใจ หล่อนเพิ่งบินมาหาเขาเมื่อสัปดาห์ที่แล้วแต่ต้องรีบกลับ ทั้งๆ ที่ยังไม่อิ่มหนำกับรสสวาทแสนเร่าร้อนของเขา จนต้องแวะเวียนกลับมาหาเขาอีกครั้ง โดยที่เขาไม่ได้เรียกหา
นางเอกสาวเจอกับทายาทบ่อน้ำมันผู้ร่ำรวยและหล่อเหลายิ่งกว่าดาราฮอลิวูดเมื่อครั้งงานปฐมทัศน์หนังดังเรื่องนึง และเพียงแค่ได้สบตาคมกริบคู่ทรงเสน่ห์ของเขาเพียงแวบเดียว หล่อนก็กลายเป็นทาสรักทาสสวาทของเขามานานเกือบหนึ่งปีเต็มแล้ว มาตอนนี้ หล่อนรู้ตัวแล้วว่าหลงรักหนุ่มรูปงามเจ้าเสน่ห์คนนี้เข้าเต็มเปา
ปลายเล็บที่ถูกแต่งแต้มด้วยสีแดงสดเข้ากับชุดกรีดไล้ไปบนอกแกร่งของคาร์รีมที่ยังจ้องร่างเล็กซึ่งยังยืนนิ่ง ทำตัวเป็นคนหูไปนา เอาตาไปไร่ และนั่นจึงทำให้ราเชลต้องหันมาสนใจแขกสัญชาติไทยไม่ได้รับเชิญด้วยอีกคน
แหม่มสาวปรายตามองรินรดาอย่างเหยียดหยามดูถูกเรื่องมารยาและอย่างขัดใจที่มีคนมาขวางทางไปสวรรค์ที่เธออาจจะได้ไปเยือนอีกสักครั้งสองครั้งกับคาร์รีมผู้แสนร้อนแรงก็ได้
ดาร์ลิ้งขา แม่นี่น่ะใครกันคะ ทำไมไม่รู้จักมารยาทเลย แล้วดูการแต่งตัวเข้าสิ โลว์คลาสชะมัด คนแบบนี้มาทำงานในโรงงานหรูๆ ของคุณได้ไงคะเนี่ย หล่อนจีบปากจีบคอถาม
คำของหล่อนทำเอาคนที่ยืนนิ่งอยู่ต้องกำมือเข้าหากันแน่น...เป็นวิศวกรก็ใส่ชุดช่างทำงานในโรงงาน แล้วจะต้องแต่งตัวให้มันไฮคลาสกันทำไม...
เธอเป็นเลขาของผมน่ะครับ คาร์รีมตอบพร้อมกับกระตุกยิ้มตรงมุมปาก
คำของเขาทำเอาคนที่เพิ่งได้ตำแหน่งใหม่งงเป็นไก่ตาแตก เธอไปเป็นเลขาของเขาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
เลขาอย่างเดียวแน่นะคะดาร์ลิ้ง ถ้าเป็นอย่างอื่นด้วย ราเชลไม่ยอมจริงๆ นะคะ
คุณก็รู้จักรสนิยมผมดีไม่ใช่หรือครับเรช
คนรสนิยมสูงย้อนถาม คิ้วได้รูปเลิกสูงด้วยความไม่พอใจในที่หญิงสาวแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของของเขามากเกินไป และด้วยความแปลกใจในความคิดของตนเมื่อย้อนคิดไปถึงคำว่า รสนิยม’ ของตัวเอง
ใช่ ผู้หญิงของเขาต้องสวยเซ็กซ์เอ็กส์อึ๋ม ประเภทเห็นแล้วต้องตามมองเหลียวหลัง ไม่ใช่อย่างแม่สาวห้าวหน้าซีดคนนี้แน่นอน และถึงเจ้าหล่อนจะซ่อนรูปบางอย่างเอาไว้ แต่ก็ยังห่างไกลรสนิยมของเขานัก
จริงน่ะสิคะ ราเชลแสยะยิ้มเห็นด้วย ก่อนถากถางคนที่ยืนนิ่งเฉยและกัดฟันอดทนอย่างที่สุดต่อ ...หน้าตาก็จืดชืด หุ่นก็ผอมแห้งเป็นไม้กระดานเดินได้แบบนี้ ดาร์ลิ้งค์คงไม่คิดแม้แต่จะหันไปมอง...ใช่มั้ยคะ
หล่อนแนบหน้าสวยลงบนแผ่นอกแกร่ง พร้อมกับย้ำถาม ราวกับว่าทั้งคู่คุยกันอยู่สองคน และไม่มีเธอยืนอยู่ตรงนี้ หรือฟังภาษาที่ทั้งคู่คุยกันไม่ออก
แน่นอนที่สุดครับ
คาร์รีมยืนยันชัดเจน นัยน์ตาคมก็กราดมองร่างเล็กที่ยืนตัวสั่นกัดฟันข่มความโกรธในตัวเอาไว้ ใบหน้างามที่เคยก้มมองพื้น ก็เชิดขึ้นมองหน้าเขากลับอย่างรังเกียจ
ไม่ต้องกังวลหรอกคะคุณสีแดงไปทั้งตัว ฉันไม่คิดเป็นจะเป็นไก่ให้สมภารมากินทิ้งกินขว้าง อีกอย่าง ฉันไม่ชอบใช้ผู้ชายร่วมกับใคร เพราะฉะนั้นไว้ใจฉันได้ค่ะ โดยเฉพาะผู้ชายมั่วๆ อย่างอีตาคาร์รีมนี่
รินรดาที่ทนยืนเป็นไบ้อยู่นานแถลงไขในเชิงเสียดสีด้วยน้ำเสียงมั่นคงราบเรียบ ทำเอาสาวมะกันเต้นเร่าอย่างโกรธเคือง แต่คนที่โกรธจนควันออกหูดันเป็นสมภารที่จะไม่ได้กินไก่ในวัดของตัวเองนั่นต่างหาก
คุณกลับไปก่อนนะครับ
คาร์รีมสั่งสาวร้อนลอดไรฟัน พลางหันไปกดอินเตอร์คอมสั่งการให้เลขาบอกพนักงานขับเฮลิคอปเตอร์ซึ่งเป็นยานพาหนะที่เขาใช้เดินทางไปมาระหว่างในตัวเมืองและโรงงานแห่งนี้ เพื่อพาราเชลไปส่งที่สนามบิน และตัวเขาก็มีเรื่องสะสางกับยายผู้หญิงหน้าจืดด้วย
นางเอกสาวหน้าตึงออกอาการขัดใจเล็กน้อย แต่ก็ยอมจากไปแต่โดยดี โดยไม่ลืมเขย่งเท้ามอบจูบแลกลิ้นกันจ๊วบจ๊าบให้รินรดามองเป็นอาหารตาทิ้งท้ายด้วย...
เธอมาสาย... คาร์รีมหันมาตำหนิเสียงเรียบ ยกนาฬิการาคาเจ็ดหลักขึ้นดู ก่อนพูดต่อ...ไปเกือบสิบห้านาที
และเขาก็ไม่แปลกใจที่หญิงสาวจะวิ่งมารายงานตัวสาย เพราะเป็นเขานั่นเอง ที่สั่งให้หัวหน้างานสั่งงานให้หญิงสาวทำเยอะๆ จะได้ไม่มีเวลาไปทำหน้าที่ที่เขาสงสัยอยู่ แต่ดูเหมือนแม่นี้จะมีสิบมือหรือยังไง เพราะเธอทำทัน ทำได้ดี และยังไม่มีความผิดพลาดในเรื่องใดๆ ให้เขาต้องรับรู้เลยสักครั้ง
ก็งานฉันยุ่งนี่ นี่ก็รีบสุดๆ แล้ว ยังจะเอาอะไรอีก เธอเถียงทันควัน และจริงๆ ฉันก็สายแค่ห้านาที แต่ต้องมายืนรอคุณกับหนึ่งในแฟนของคุณต่างหากเล่า
ถ้าไม่ต้องมารอเขาเก็บช็อตเด็ดเรียกเลือดนั่น เธอก็คงรายงานตัวเสร็จและกลับไปทำงานตัวเองนานแล้ว
ราเชลไม่ใช่แฟน แต่เป็นแค่ผู้หญิงคนนึงของฉันเท่านั้น
คนไม่เคยมีแฟนและไม่เคยรักใครจาระไนเสียงเรียบ คงเป็นเพราะเขาได้ผู้หญิงเล่านี้มาง่ายเกินไป ทำให้ไม่เคยเห็นค่าในตัวพวกหล่อนเป็นแน่
รวมทั้งสาวๆ คนอื่นที่คุณควงๆ ด้วยน่ะสิ
รินรดาประชดถามเสียงขุ่น มองเขาอย่างเกลียดชังยิ่งขึ้นไปอีก
ใจจริง เธอไม่คิดว่าจะได้เห็นผู้หญิงของเขาแบบซ้ำหน้ากันด้วยซ้ำ เพราะดูท่าแล้วเขาไม่น่าจะใช้ผู้หญิงคนเดิมซ้ำ เห็นเปลี่ยนบ่อยยิ่งกว่าเปลี่ยนกางเกงในเสียอีก
ถูกต้อง เขาตอบอย่างไม่แคร์ว่าโดนหญิงสาวแอบประชดอยู่
ร่างใหญ่ก็เดินเข้ามาใกล้ร่างเล็กยิ่งขึ้น จึงทำให้รินรดาเห็นรอยขีดข่วนแดงๆ ตามแผ่นอกที่โผล่มาจากเสื้อซึ่งยังไม่ได้ติดกระดุมเรียบร้อยนั่น
คนเห็นหน้าแดงด้วยอาการที่นอกจากความโกรธ แต่ก็ยังเก๊กขรึม มั่ว เป็นครั้งแรกที่เธอพูดคำนี้ให้เขาได้ยิน มันอดไม่ได้จริงๆ
เขาเรียกว่าเปลี่ยนรสชาติต่างหากล่ะ
คนชอบรสชาติจากสาวๆ แบบหลากหลายแก้ พลางกระตุกยิ้มตรงมุมปาก ไม่พอ ยังก้มหน้าคมหล่อบาดใจลงมาอยู่ในระดับเดียวกับดวงหน้าแดงก่ำของเธอด้วย
คนตัวเล็กผงะ ตาโตด้วยความตกใจกับความใกล้ชิดของเขา จึงรีบเบี่ยงหน้าเล็กหนี แต่เป็นความคิดที่ผิด เพราะมันทำให้เธอเหลือบไปเห็นถุงยางในสภาพใช้แล้วอยู่ที่พื้น และมีอะไรก็ไม่รู้...สีขาวขุ่นอยู่ในนั้นด้วย...
ยี้ สกปรก อีตานี่เป็นพวกขาดเซ็กซ์ไม่ได้หรือยังไง ถึงได้มาทำประเจิดประเจ้อไม่เลือกที่เลือกทางเลือกเวลาแบบนี้ วันก่อนแลกลิ้นกันหน้าแอร์พอร์ต วันนี้ก็เริงรักกันในห้องทำงาน...
ดวงตาคู่สวยที่เปิดโพลงอยู่หลับปี๋ด้วยความอุจาดตา ใบหน้างามที่ซีดยิ่งขึ้นกว่าเดิมไปอีกหันกลับมาทางเดิม เพราะไม่อยากจะเห็นคราบโลกีย์ของเขาให้นานไปมากกว่านี้
เธอไม่ใช่เด็กอนุบาลนี่ ที่ไม่รู้ว่าสิ่งที่ค้างอยู่ในผลิตภัณฑ์ยางพาราแปรรูปนั้นคืออะไร...
ทว่าด้วยที่หันหน้าสวยกลับมาอย่างเร็วรีบและดวงตาโตก็ปิดอยู่ แล้วใบหน้าคมของเขาก็ยังโน้มต่ำอยู่...จึงทำให้ปลายจมูกเล็กจุ๋มจิ๋มน่ารักของรินรดาแตะเข้ากับปลายจมูกโด่งตามสัญชาติของเขาอย่างถนัดถนี่ ต่างฝ่ายก็ได้ต่างรับรู้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ที่รดใส่กัน และมันเพียงพอให้ทั้งคู่ตกตะลึง หยุดจ้องหน้าแน่นิ่งอยู่ในท่าที่จมูกชนกันชั่วอึดใจ โดยมีนัยน์ตาสองคู่สบกันอย่างส่องประกายแวววับ...
คาร์รีมเองก็ตกใจไม่น้อยกับความรู้สึกแปลกๆ ที่แล่นพล่านไปทั่วกายยามได้กลิ่นสาว ผิวเนื้อที่แตะกันเพียงบางเบา หากให้ความรู้สึกราวกับโดนแนบด้วยเหล็กเผาไฟ ไหนจะลมร้อนๆ หอมกรุ่นที่รดเป่าหน้ากันอีกนั่น คาร์รีมแทบสาบานได้ว่ามันทำให้เขาขนลุกขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุ
แล้วที่น่าโมโหคือ เขาดันสั่งตัวเองให้ผละใบหน้าคมออกห่างจากดวงหน้าหวานแสนตื่นตระหนกนั่นไม่ได้นั่นต่างหาก ที่สำคัญ ในความจืดชืดไร้เสน่ห์ของแม่นี่ เขากลับเห็นว่าหญิงสาวมีบางสิ่งบางอย่างแฝงอยู่ จนเขาไม่กล้าคิดว่ามันคือความอยากรู้จัก อยากค้นคว้า และอยากในบางสิ่งที่เขาไม่ควรรู้สึกกับเธอคนนี้เลยสักนิด...
รินรดาตกใจจนหัวใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม รู้สึกไม่ต่างกับโดนหอมแก้ม ถึงจะไม่เคยมีใครเคยได้หอมแก้มเธอเลยสักครั้งก็เถอะ แต่มันคงให้ความรู้สึกร้อนวูบวาบแบบนี้เป็นแน่ๆ แต่มานึกอีกที จมูกเขาก็คงสกปรกไม่ต่างจากอวัยวะที่ใช้มั่วนั่นแน่ๆ
ร่างเล็กจึงเด้งตัวหนีร่างใหญ่อย่างรังเกียจ มือน้อยก็ยกขึ้นเช็ดๆ ถูๆ จมูกเล็กของตัวเองจนมันแดงก่ำ...และคนเห็นก็ออกอาการไม่พอใจจนควันออกหูกรุ่นๆ เพราะหญิงสาวทำราวกับรังเกียจขยะแขยงเขาอย่างนั้น
อย่าทำเป็นไม่เคยไปหน่อยเลย เขาเยาะเสียงต่ำ พลางติดกระดุมเสื้ออย่างอ้อยอิ่ง และจัดแจงเสื้อผ้าบนตัวให้เรียบร้อย
รินรดาตั้งสติ ก่อนสะบัดหน้าที่ทั้งแดงทั้งร้อนตอกกลับเสียงสั่น
ไม่ใช่ไม่เคย แต่ไม่ไว้ใจคนมั่วอย่างคุณ กลัวติดโรค เธอแอบต่อในใจ
ฉันบอกเธอแล้วนี่ว่ามันคือการเปลี่ยนรสชาติ เปลี่ยนบรรยากาศ เขายักไหล่พูดอย่างไม่แคร์
คาร์รีมไม่เข้าใจตัวเองว่ายอมยืนฟังผู้หญิงคนนี้ด่าว่าอยู่เฉยๆ ได้ยังไง ทั้งยังยอมต่อปากต่อคำกับเธออีกด้วย ทั้งๆ ที่เขาน่าจะไล่หญิงสาวออกไปตั้งนานแล้ว กับการกระทำและวาจาแสนก้าวร้าวแบบนี้
เปลี่ยนมากๆ มีหวังติดโรคตายเสียก่อน
หญิงสาวต่อว่าเขาอย่างไม่ไว้หน้า ทว่าดวงหน้าที่เคยซีดๆ มันแดงเสียจนอีกฝ่ายเห็นได้อย่างชัดเจน และมันก็ยิ่งทำให้เขาได้ใจ
เธอก็เห็นหลักฐานแล้วนี่ ว่าฉันป้องกัน...
คาร์รีมยืนยันเสียงทุ้มติดเจ้าเล่ห์ พลางมองไปยังชิ้นส่วนที่เขาเอ่ยถึงนั่นด้วย รินรดาหน้าร้อนวาบ ยืนตัวแข็ง ไม่คิดหันไปมองชิ้นส่วนหลักฐานการป้องกันโรคของเขาให้ต้องเก็บไปฝันร้ายอีกครั้ง
ถุงยางรั่วจนติดโรคก็มีถมเถไป รินรดาเถียงคำไม่ตกฟาก ขณะเดียวกันก็ต้องข่มทั้งความอายและความโกรธในตัวไว้ให้ลึกสุด...
คาร์รีมเลิกคิ้ว หัวเราะเบาๆ ในลำคอในเชิงเยาะ แล้วหรี่ตามองสาวร่างเล็กอย่างเหยียดหยันไม่แพ้กัน
เก่ง...รู้ลึกดีนี่ ช่ำชองไม่เบา เขาแกล้งชม และทำไมคนฟังจะไม่รู้สึกถึงน้ำเสียงต่ำแสนดูแคลนจากลำคอแข็งแรงนั่นเล่า
ก็ประมาณนั้น เธอสะบัดเสียงยอมรับเสียเฉยๆ แต่ฉันไม่มั่วควงหลายคนเหมือนคุณหรอก ทั้งยังอดต่อว่าแสดงความรังเกียจในใจออกมาอีกไม่ได้
รูปหล่อพ่อรวยเงินหนักแถมโสดสนิทอย่างฉัน สาวๆ ก็ตามติดเป็นเรื่องปกติ...มาโทษฉันคนเดียวคงไม่ได้หรอกรินรดา อีกครั้งที่คาร์รีมยักไหล่พูดในเรื่องจริง และเป็นสิ่งที่อยู่ในใจของเขา
เขาก็แค่นักธุรกิจคนนึง ที่กำลังทำธุรกิจให้กับชีวิตส่วนตัวของเขา ก็ในเมื่อดีมานกับซับพลายตรงกัน ...ธุรกิจก็เฟื่องฟู เหมือนกับที่มีสาวๆ เข้ามาร่ายล้อมรอบตัวเขา โดยที่เขาไม่เคยต้องลงมือทำอะไร แล้วไยจะต้องปฏิเสธน้ำใจไมตรีนี้ไป เพราะถึงยังไง สาวๆ เหล่านี้ก็ได้ของกำนัลกันเป็นกอบเป็นกำจากเขาอยู่แล้ว...
แล้วที่เธอไม่ควงหลายคน ไม่ใช่เพราะเธอไม่มีนิสัยมั่วหรือเป็นพวกรักเดียวใจเดียวหรอก...แต่เพราะผู้หญิงหน้าตาจืดชืดอย่างเธอจะมีใครมาหลงเสน่ห์กันสักกี่คนเชียว คาร์รีมวิจารณ์ในเชิงดูถูกเหยียดหยันตามมา ทำเอาคนฟังตัวสั่นพั่บๆ
หนอย มาดูถูกกันเกินไปแล้ว อีตาหน้ายักษ์...
จะกี่คนมันก็เรื่องของฉัน แต่หนึ่งในนั้นไม่ใช่คุณแน่ๆ แค่หางตาฉันยังไม่คิดเหลียวไปมอง... รินรดาสวนกลับอย่างไม่มีเกรงกลัว อย่างมากก็ถูกไล่ออก เขาจะทำอะไรเธอได้
แล้วถ้าคุณมีเวลาว่างนัก ก็เรียกผู้หญิงคนอื่นในสต็อคมาคุยด้วยละกัน เพราะฉันจะกลับไปทำงานแล้ว
วิศวกรสาวผู้ตั้งใจทำงานลา พลางหันหลังเดินทันที ขืนอยู่นาน เธออาจจะทนไม่ได้ และตั๊นท์หน้านายบ้ากามเป็นรางวัลความมั่วของเขาแน่ๆ
คาร์รีมโกรธจนควันออกหู เพราะโดนหญิงสาวด่าครั้งแล้วครั้งเล่า อยากจะจับแม่สาวอวดดีปากจัดหักคอนัก แต่หญิงสาวก็พูดถูก ทำไมต้องมาเถียงในเรื่องไร้สาระให้เสียเวลาทำงาน นั่นมันชีวิตส่วนตัวของเขา เขาจะใช้ชีวิตยังไง มันก็เรื่องของเขา และมันไม่เคยทำให้ใครเดือดร้อน แล้วไยเขาจะต้องใส่ใจแก้ตัวกับคำของเธอ...
เดี๋ยว อย่าเพิ่งไป เสียงทุ้มท้วงเอาไว้ ร่างเล็กที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตู จึงหันกลับมาอย่างคนอารมณ์เสีย 
ฉันเห็นดีด้วยกับข้อเสนอของเธอ เพราะฉะนั้น พรุ่งนี้ก็ย้ายมาเป็นเลขาได้เลย เจ้านายหนุ่มกำหนดหน้าที่ใหม่ซึ่งเขาบอกไว้กับราเชลก่อนหน้านี้แล้ว และรินรดาก็งงเป็นไก่ตาแตก รวมทั้งตอนนี้ด้วย
เฮ้ย ทำงี้ได้ไง รินรดาตาโต นึกว่าเขาพูดเล่นกับแม่สาวสีแดงนั่น แล้วหน้าที่ที่ฉันรับผิดชอบอยู่ล่ะ แล้วฉันก็ไม่ได้เรียนเลขามาด้วย พลางค้านด้วยคำถามในใจหลากหลาย
ฉันมีเงินเยอะแยะก็จ้างวิศวกรคนใหม่สิ ส่วนเธอก็มาเรียนงานกับซายิด
เขาตอบราวกับเด็กกำลังเล่นขายของกันอยู่ บทจะเลิกเล่นก็เลิก บทจะเปลี่ยนใจไปเล่นซ่อนหากันก็เปลี่ยนใจกันทันที
รินรดาได้แต่เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันกับความไม่มีเหตุผลและตรรกะในการทำงานของเจ้านายผู้มีธุรกิจใหญ่โต แล้วเป็นเลขาต้องแต่งตัวสวยๆ หรือเปล่า เธอไม่มีเสื้อผ้าแบบนั้นติดตัวมาสักชุด ช่างสิ อยากให้มาเป็นเลขานัก เธอก็จะใส่ชุดช่างนี่แหละมาทำงาน...
ได้ งานคุณพังก็อย่ามาโทษฉันละกัน คนโดนเปลี่ยนตำแหน่งสะบัดหน้าเชิด เดินจากไปโดยไม่คิดลา
ลับหลังร่างเล็ก คาร์รีมยกมือลูบหน้าคมอย่างคนไม่เข้าใจความรู้สึกของตัวเองในเวลานี้ เขาจะทำแบบนี้ไปทำไมกัน แต่ไม่ว่าถามตัวเองสักกี่ครั้ง คำตอบที่ได้ก็คือ ไม่ไว้ใจในตัววิศวกรสาว คาร์รีมจึงต้องย้ายหญิงสาวมาทำงานใกล้ๆ ตัว เพื่อที่เขาจะได้คอยจับตาสังเกตพฤติกรรมอันน่าสงสัยของเธอไปด้วย
โดยที่เจ้าของกิจการหนุ่มไม่ได้ล่วงรู้ว่า มันเป็นการเปิดโอกาสให้สปายสาวได้เข้ามาล้วงข้อมูลส่วนตัวของเขาได้ง่ายดายและสะดวกสบายยิ่งขึ้นไปอีก...
เลขานุการสาวจำเป็นที่เพิ่งหย่อนตัวลงนั่งตรงโต๊ะทำงานสุดหรูหน้าห้องนายจ้างยกมือขึ้นปาดเหงื่ออย่างเหนื่อยอ่อน ทั้งด้วยเพราะอุณหภูมิร้อนระอุจากทะเลทรายด้านนอกซึ่งส่งผลถึงห้องปรับอากาศภายใน และทั้งด้วยความเร่งรีบในการวิ่งกลับมานั่งประจำการที่โต๊ะทำงานซึ่งเธอรับหน้าที่ได้มากว่าสองอาทิตย์แล้ว
แต่พอดีมีปัญหาเกี่ยวกับระบบผลิตในโรงงานตรงส่วนที่เธอเคยรับผิดชอบมาก่อน รินรดาจึงแอบวิ่งไปช่วยแก้ไขด้วยใจรัก โดยที่นายจ้างหน้ายักษ์ไม่รู้...
และถึงจะเป็นงานที่เธอไม่มีความรู้และไม่ถนัดเลยสักนิด แต่รินรดาก็เรียนรู้งานในหน้าที่เลขาได้เร็วตามประสาคนหัวไว และมีคนเก่งอย่างซายิดคอยช่วยสอนงานนั่นเอง หญิงสาวจึงไม่ได้ทำให้ธุรกิจของเขาย่ำแย่ไปอย่างที่ตัวเองเคยคิด
ส่วนคนเป็นเจ้านายก็ยัง มั่ว ไม่เลิกเหมือนเดิม ผู้หญิงที่เขาควงหรือไปมาหาสู่นั้นมากหน้าหลายตาจนเธอเริ่มสับสนว่าใครเป็นใคร และเริ่มนับไม่ถูกแล้ว ว่าเขามีสาวๆ ในสต็อคกี่คนกันแน่...
สำหรับงานหน้าที่สปายก็ยิ่งทำได้ง่ายเข้าไปใหญ่ ก็ในเมื่อเธอเห็นพฤติกรรมของคุณชายคาร์รีมตำตาอยู่ทุกวัน รินรดาเบ้หน้า อยากจะแช่งให้เขาติดโรคตายเข้าสักวัน แต่ก็กลัวจะเป็นบาปต่อตัวเองเสียเปล่าๆ
ตาลุงนายจ้างอีกคนของเธอก็แปลกนัก นอกจากรอฟังรายงานของเธอแล้ว ก็ไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้นหรือให้เธอต้องทำอะไรมากไปกว่าที่ทำอยู่ แถมยังไม่เคยติดต่อเธอเลยสักครั้ง หากเธอก็ยังได้เงินเดือนเพิ่มอย่างที่คุณลุงว่าไว้จริงๆ
ทำไมรอบตัวเธอถึงมีแต่คนแปลกๆ รินรดาทอดถอนใจ
มือเล็กจัดเก็บเอกสารบนโต๊ะให้เรียบร้อย เพราะนี่ก็ใกล้เวลาเลิกงานเต็มที แต่แล้วรินรดาที่กำลังก้มหน้าก้มตาสาละวนอยู่กับกองเอกสารตรงหน้า ก็ต้องสะดุ้งดังโหยง เมื่อได้ยินเสียงหวานราบเรียบแต่ทรงอำนาจจนเธอต้องเด้งตัวลุกขึ้นยืนกับคำที่ได้ยินผ่านโสตประสาทหูไป
หล่อนเป็นใคร แล้วมาวุ่นวายอะไรตรงนี้
นางนาตาลีที่แวะมาหาลูกชายคนรองถามอย่างงุนงง เมื่อเห็นสาวเอเชียมานั่งผิดที่ผิดทางอยู่ตรงในส่วนสำนักงาน
ดิฉันเป็นเลขานุการคนใหม่ค่ะ
รินรดาตอบด้วยน้ำเสียงมั่นคง ไม่ได้มีท่าทีเกรงกลัวกับรัศมีของอีกฝ่าย ก็เธอไม่ได้ทำอะไรผิด แล้วจะต้องกลัวอะไร
แล้วทำไมหล่อนถึงแต่งตัวแบบนี้ นางถามต่อ พลางกวาดสายตาสำรวจร่างเล็กที่ซ่อนตัวอยู่ในชุดช่างด้วยความรู้สึกไม่ใคร่จะพอใจในความไม่มีระเบียบของหญิงสาว
เอ่อ จริงๆ ดิฉันเป็นวิศวกรค่ะ และเพิ่งย้ายมารับหน้าที่นี้ค่ะ เลยยังไม่มีเสื้อผะ...เลขานุการสาวที่รู้สึกอึดอัดกับสายตาช่างสำรวจของผู้ใหญ่ยังอธิบายไม่จบ อีกฝ่ายก็พูดแทรกขึ้น
ช่างเถอะ ท่านหญิงแห่งคาดาร์ขี้คร้านจะสนใจ จึงหันมาถามหาลูกชายแทน ลูกชายฉันอยู่ในห้องหรือเปล่า
อยู่ค่ะ รินรดาพยังหน้าตอบอย่างนอบน้อม เมื่อรู้แน่ชัดว่าอีกฝ่ายเป็นใคร แล้วนางก็หันหลังเดินไปหาลูกชายทันที
ไม่น่าแปลกใจสักนิด ว่าทำไมนายคาร์รีมถึงมีนิสัยแปลกๆ ก็ในเมื่อมีแม่แปลกด้วยนี่เอง รินรดาสะบัดศีรษะไล่ความคิดเรื่องชาวบ้านทิ้ง ก่อนหันไปสนใจงานของตัวเองบนโต๊ะต่อ...
 “เรานี่ยังไงกันนะคาร์รีม จะชวนแม่ไปดินเนอร์และทำความรู้จักกับแฟนทั้งที ทำไมไม่โทรมานัดแม่เองล่ะ...นี่อะไร...แค่ส่งอีเมลล์ไปนัด...ต่อให้งานยุ่งแค่ไหนก็เถอะ แต่นี่มันเรื่องในครอบครัว เราก็ต้องโทรมาบอกแม่เองสิ...
คนเป็นแม่เปิดฉากดุพ่อพวงมาลัยเสียงเขียวทันทีที่เปิดประตูห้องทำงานเข้ามา ใบหน้าที่ยังงามงดบูดบึ้ง นั่นเพราะนางนาตาลีออกอาการขัดใจที่ได้รับอีเมลล์นัดทานอาหารค่ำจากลูกชาย แทนที่จะเป็นโทรศัพท์อย่างที่ควร แล้วเรื่องสำคัญอย่างไปดูตัวสาวอย่างนี้แล้ว แค่ส่งอีเมลล์นัดมาคำสองคำ ใช้ได้ที่ไหนกัน...
การปรากฏตัวของมารดาทำเอาเจ้าของห้องต้องขมวดคิ้วอย่างงงงวย แล้วไหนจะคำพูดที่หลุดออกมาจากเรียวปากที่ถูกเคลือบไว้ด้วยลิปสติกแบรนด์ราคาแพงนั่นอีก...
...เขาไปนัดมารดาว่าจะแนะนำผู้หญิงให้รู้จักตั้งแต่เมื่อไหร่!?
เพราะวันนี้เขานัดดินเนอร์กับอเล็กซานดร้านางแบบสาวจากแดนกระทิงดุนั่นต่างหาก และมันไม่ใช่การดูตัว มันไม่มีทางเป็นการดูตัว ก็ในเมื่อหญิงสาวไม่ใช่แฟนของเขาสักหน่อย
ผมนัดดินเนอร์กับคุณแม่หรือครับ คาร์รีมที่ยังงงเป็นไก่ตาแตกถามย้ำ
ใช่น่ะสิ ก็เราอีเมลล์ไปหาแม่เมื่อวานนี้ นี่อย่าบอกนะว่าลืมไปแล้ว นางนาตาลีตอบก่อนทำเสียงอย่างคนน้อยใจในตอนท้าย
ทุกวันนี้มารดาอย่างนางแทบไม่ได้เห็นหน้าค่าตาของลูกๆ นาซิมก็ย้ายครอบครัวไปอยู่ลอนดอน คาร์รีมก็พำนักอยู่ที่โรงงานมาเกือบสองเดือนแล้ว ถึงนางจะทราบว่าลูกชายขึ้นเฮลิคอปเตอร์บินไปกลับในเมืองเป็นว่าเล่น แต่ไม่เคยจะแวะเยี่ยมเยียนพ่อแม่เลยสักครั้ง
ส่วนลูกสาวคนเล็กก็บินไปคุยเรื่องธุรกิจที่ดูไบ แล้วจากนั้นก็บินไปเซ็นสัญญาขายน้ำมันให้กับสายการบินแห่งหนึ่งที่นิวยอร์ค คฤหาสน์หลังใหญ่ของนาง จึงเงียบเหงายิ่งนัก...
ไม่ครับ ผมจะลืมนัดสำคัญกับคุณแม่ได้ยังไงครับ งั้นไปกันเลยครับ ผมให้ซายิดจองโต๊ะไว้เรียบร้อยแล้ว
ลูกรักของนาตาลีรีบปฏิเสธก่อนเอ่ยอย่างออดอ้อน มือหนาปิดแฟ้มตรงหน้า หยิบเสื้อสูทที่แขวนไว้พาดบ่า แล้วเดินไปควงร่างที่ยังสวยของผู้เป็นแม่ เป็นสัญญาณความพร้อมในการเดินทางไปดินเนอร์กับมารดา...ที่เขามั่นใจว่าไม่ได้ส่งอีเมลล์ไปนัดแน่ๆ แล้วใครกันที่ทำแบบนี้...
ไปจ๊ะ แม่ก็ชักหิวแล้ว นาตาลีตอบ ก่อนพากันเดินออกจากห้องทำงานกันไป
แล้วในขณะที่ทั้งคู่เดินผ่านโต๊ะทำงานของเลขาจำเป็น ร่างสมส่วนของมารดาคาร์รีมก็หยุดเดิน แล้วหันมาคุยเสียงจริงจังกับลูกชาย
อ้อ คาร์รีม แม่ว่ามันดูไม่เหมาะนะ ที่จะให้เลขาของเราแต่งตัวแบบนี้มาทำงาน เกิดมีคู่ค้าคนสำคัญทางธุรกิจมาเยี่ยมโรงงานได้อายเขาแย่ นาตาลีแกล้งตำหนิเสียงดัง นัยน์ตาสวยคมก็ทอประกายวิบวับ นางตั้งใจพูดให้คนที่ใส่ชุดลูกหมีและนั่งพิมพ์คอมพิวเตอร์มือเป็นระวิงอยู่ได้ยินและหูผึ่งขึ้นมาด้วย
โอย แม่ลูกคู่นี้นี่ เหมือนกันอย่างกับแกะ คนโดนกล่าวถึงแอบนินทาเจ้านายในใจ
ไม่เป็นหรอกครับ เลขาผมเขาอาจจะขาลายหรือขาโก่งก็ได้ ถึงไม่กล้าใส่กระโปรงมาทำงาน
คาร์รีมเองก็ทั้งเยาะและดูถูกอีกฝ่ายด้วยเช่นกัน ใบหน้าคมก็หันไม่มองร่างเล็กที่นั่งหน้างออยู่ตัวสั่นอยู่ด้วย แล้วเขาก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาทันที เมื่อเห็นสีหน้าขึ้นเลือดฝาดจากความโกรธของเลขาตัวเอง
ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วเจ้านายหนุ่มก็รู้ถึงเหตุผลของการใส่ชุดช่างมานั่งหน้าสลอนอยู่หน้าห้องทำงานดี เพราะรินรดาได้บอกกับเขาไว้แล้ว ว่านอกจากกางเกงยีนส์เสื้อยืดที่อยู่ภายใต้ชุดช่างแล้ว เธอไม่ได้มีเสื้อผ้าสวยงามแบบอื่นๆ ติดมาด้วยเลย และเขาก็เห็นว่าไม่เห็นผิดปกติตรงไหน เพราะเขาแค่ต้องการจับตาดูหญิงสาว ไม่ได้รอดูเธอแต่งตัวสวยๆ มาทำงาน
และถึงแม่นี่จะแต่งตัวสวยขึ้นมา มันจะสวยขึ้นมาสักเท่าไหร่กันเชียว...
 “วันหลังจะนัดดินเนอร์กันก็ชวนพ่อเขาด้วยนะ ชวนแต่แม่คนเดียว แบบนี้พ่อเขาก็น้อยใจแย่ น้ำเสียงหวานของคนเป็นแม่เอ่ยอย่างแฝงถ้อยคำตำหนิให้บุตรชายฟัง
นางนาตาลีที่เพิ่งเสร็จจากทานอาหารค่ำเดินควงแขนร่างใหญ่ออกมาจากร้านอาหารชื่อดังซึ่งต้องจองโต๊ะล่วงหน้าไว้เป็นเดือนๆ แต่สำหรับคุณชายคาร์รีมแล้ว ไม่ว่าจะโทรจองเวลาไหน ก็จะมีโต๊ะรองรับให้เสมอ...
ครับ...ฝากขอโทษคุณพ่อด้วยนะครับที่ไม่ได้ชวนมาด้วย
คาร์รีมรับฟัง แต่ก็อดขมวดคิ้วครุ่นคิดเรื่องดินเนอร์ผิดแผนนี้ไม่ได้ จะว่าซายิดส่งเมลล์ไปนัดมารดาให้ ก็ไม่น่าเป็นไปได้ ในเมื่อเขาไม่ได้สั่ง...
เสียดายนะแฟนเราเขาท้องเสียกะทันหัน มาดินเนอร์ด้วยไม่ได้ แม่เลยอดดูหน้าว่าที่ลูกสะใภ้เลย
นาตาลีเปรยออกมาราวกับว่าเสียดายนักหนาที่อดเห็นหน้าคู่ควงของลูกชาย ทั้งๆ ที่ใจจริงนางก็พอจะรู้ว่าคงเป็นคาร์รีมเองนั่นแหละที่ขัดขวางการพบหน้ากับสาวๆ ทั้งหลายไว้
โอกาสหน้าก็ยังมีครับคุณแม่
คนเป็นลูกบอก พร้อมกับต้องเสหลบสายตาคาดคั้นของมารดา และมันก็จริง เขาเป็นคนโทรยกเลิกนัดกับคู่ควงสาวเอง ไว้ไปเจอกันทีเดียวที่เพ็นท์เฮาส์ก็ได้ เพราะยังไงก็มีเชฟชื่อดังคอยทำอาหารให้เขารับประทานอยู่ที่นั่นอยู่แล้ว
และที่เขาต้องยกเลิกนัดกับนางแบบสาว เพราะอเล็กซานดร้าก็เป็นแค่หนึ่งในคอลเลคชั่นสาวๆ ของเขาเท่านั้น ไม่ใช่แฟนอย่างที่มารดาเข้าใจผิด...
ได้จ้ะ แต่อย่าช้านะ แม่อยากเห็นหน้าแฟนคาร์รีมเร็วๆ ว่าจะสวยน่ารักเหมือนพี่สะใภ้ของเราหรือเปล่า
ครับคุณแม่
เป็นอีกครั้งที่คาร์รีมตอบรับคำโดยไม่มองหน้ามารดา เพราะเขายังไม่มีแฟน ไม่เคยรักใคร และไม่คิดจะแต่งงาน แล้วจะนัดมารดามาดูตัวแฟนสาวได้ยังไง
แล้วดวงตาคมกริบที่เสมองไปทางอื่นก็ต้องเปิดโพลงขึ้นมา เมื่อคาร์รีมหันไปเห็นเข้ากับร่างเล็กของคนที่เขารู้จักมากว่าสองเดือนแล้ว และหญิงสาวก็กำลังเดินควงคู่กันอย่างสนิทสนมกับชายหนุ่มหน้าไทยๆ คนนึง ซึ่งเขาจำได้ว่าเป็นหนึ่งในทีมวิศวกร และที่สำคัญ มันไม่ใช่คนเดียวกันกับคนที่เขาเห็นที่สนามบินวันก่อน
ว่าแต่เขา...ว่ามั่วเอย...ใช้ผู้หญิงเปลืองเอย...ตัวเองก็ใช่ย่อย คาร์รีมวิจารณ์อย่างห้ามตัวเองไว้ไม่อยู่
ไม่ชอบใช้ผู้ชายร่วมกับใคร แต่ชอบเอาตัวเองไปให้ผู้ชายผลัดกันเชยชมงั้นสิ คาร์รีมเยาะ ด้วยรอยยิ้มเหยียดตรงมมุมปาก
ชักช้าอะไรอยู่จ๊ะคาร์รีม แม่อยากกลับบ้านแล้ว...อ้าว มองอะไรอยู่นั่นน่ะ คนเป็นแม่หันมาดุลูกชายที่หยุดเดินไปเสียเฉยๆ และกำลังจ้องไปทางอีกฝั่งนึงของถนน เลยหันไปมองตาม จึงทำให้นางเห็นรินรดาด้วย
อุ๊ย แม่หนูนั่นหน้าเหมือนเลขาเราเลยนะ ใช่แน่ๆ พอถอดชุดลูกหมีออกก็ดูน่ารักไปอีกแบบนึงนะคาร์รีม
นาตาลีชมเมื่อเห็นร่างเล็กในชุดกางเกงขาสามส่วน กับเสื้อยืดตัวเล็กลายน่ารักๆ นั่น และมองปราดเดียวก็รู้ว่าฝ่ายชายนั้นเป็นคนไทยด้วย แล้วท่าทีสนิทสนมกันแบบนี้ ก็จะเป็นอะไรกันได้ นอกจากคนรักกัน
มาเที่ยวกับแฟนเสียด้วย น่ารักจริงเชียว สมัครทำงานที่เดียวกัน คนเป็นแม่ยังไม่เลิกปลื้ม เอ่ยชื่นชมไม่หยุด พลางชะเง้อมองร่างเล็กให้เห็นชัดๆ
แหม...ดูๆ ไปเลขาเราก็น่ารักดีนะ ไม่ลองจีบล่ะคาร์รีม แต่เห็นกระหนุงกระหนิงกับแฟนแบบนี้ คงหมดหวังแล้วมั้ง...แต่คิดอีกที แม่ว่าเราอย่าไปยุ่งกับเขาน่ะดีแล้ว ไม่เคยคิดจริงจังกับใครอยู่แล้วนี่ นางนาตาลีแนะนำตามประสาคนปลื้มลูกสะใภ้ชาวไทยมาก่อน ตบท้ายด้วยคำบ่นอย่างระอาในนิสัยบุตรชายตัวเอง
โดยนางไม่ทันได้สังเกตเห็นอาการนิ่งขึง แววตาคมก็โชนแสงเปล่งประกายวิบวับของลูกชายตัวเอง...
กลับกันเถอะครับ อย่าไปสนใจพวกเขาเลย คาร์รีมชวนด้วยน้ำเสียงทุ้มติดหงุดหงิดซึ่งเจ้าของเสียงไม่รู้ตัว
"แล้วผู้หญิงที่ไม่ว่าจะมองมุมไหน ก็ราบเรียบไม่ต่างอะไรกับกระดาษแบบนี้ ไม่ใช่สเป็คของผมหรอกครับ" ก่อนยืนยันรสนิยมตัวเองให้มารดาฟังเสียงแข็งขุ่นเขียว...
คาร์รีมหันหน้าหนีภาพที่เห็น ก่อนคล้องแขนควงร่างมารดาเดินไปขึ้นรถลิมูซีนที่จอดอยู่ แล้วสั่งคนขับรถให้ออกรถทันที...
ในทุกคืนวันศุกร์และเสาร์ ทางบริษัทจะมีรถรับส่งพนักงานจากที่พักเข้ามาสังสรรค์หรือเดินเลือกจับจ่ายซื้อข้าวของในตัวเมืองซึ่งต้องใช้เวลาเดินทางเกือบสองชั่วโมง ถึงแม้ว่าฮาฟาร์จะเป็นประเทศทางตะวันออกกลางและล้อมรอบด้วยทะเลทรายเป็นส่วนใหญ่ หากเป็นประเทศที่อยู่ติดกับทางฝั่งยุโรป และเป็นประเทศที่ร่ำรวยมั่งคั่งไม่ต่างจากดูไบ สิ่งปลูกสร้างในเมืองจึงดูไม่ต่างกับเมืองใหญ่ทางแถบนั้น  เพราะนอกจากจะมีตึกสูงระฟ้าแล้ว ยังมีร้านค้าร้านอาหารมากมายตั้งอยู่ตรงใจกลางเมืองด้วย
และค่ำนี้ รินรดาก็ควงเอกภพออกมาหาอะไรอร่อยๆ ทาน รวมทั้งแวะหาซื้อเสื้อผ้าสำหรับตำแหน่งเลขาให้ตัวเองด้วย ส่วนธเนศนั้นไม่ได้ออกมาด้วยกัน เพราะเจ้าตัวเพิ่งถูกแฟนหนุ่มที่เมืองไทยโทรมาบอกเลิก ออกอาการเฮิร์ทจัด ขอนอนตายที่ห้องพักแทน
รินรดาจึงต้องออกมาเดินกระหนุงกระหนิงกับเอกภพสองคน โดยชายหนุ่มที่เดินเคียงข้างร่างเล็กอยู่ในขณะนี้ก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไม่หุบอย่างคนมีความสุข ที่ได้ทำอะไรร่วมกับหญิงสาวซึ่งเขามีใจให้มานานแล้ว
วิศวกรสาวยังอารมณ์เสียไม่หายจากการโดนนายจ้างปากจัดดูถูกไว้ก่อนเลิกงาน เท้าเล็กจึงเดินอย่างกระแทกกระทั้นไปตามถนนสายหลักซึ่งมีร้านเสื้อผ้าแบรนด์ดังมากมายตั้งอยู่ตลอดแนวทางเดิน
เป็นอะไรไป ฉันเห็นแกหน้าบึ้งตั้งแต่เลิกงานแล้ว เอกภพถามอย่างเป็นห่วง
เซ็งนิดหน่อยน่ะ น้ำเสียงของเธอก็เซ็งจัด
เซ็งเรื่องอะไร เล่าให้ฉันฟังก็ได้นะ
จะเรื่องอะไรอีกล่ะ ถ้าไม่ใช่เรื่องเจ้านายหน้ายักษ์นั่น
ทำไมหรือ เขาใช้งานแกหนัก หรือว่าเขามาทำมิดีมิร้ายแก
คนเป็นห่วงถามอย่างร้อนรนห่วงใจยิ่งขึ้นไปอีก เพราะบ่อยครั้งที่หญิงสาวมาบ่นเรื่องนิสัยแปลกๆ ของเจ้านายหนุ่มให้ฟัง รวมทั้งความรู้สึกไม่พอใจที่ต้องละทิ้งหน้าที่ที่ตัวเองรักไปทำหน้าที่แสนไกลตัวนั่นอีก
รินรดาสะอึกและฉายแววตื่นตระหนกออกมาทางสายตา แต่ก็เป็นเพียงวูบเดียวเท่านั้น เพราะถึงเขาไม่ทำอะไรกับเธอโดยตรง แต่การสอนวิชาเพศศึกษาทางอ้อมให้เธอแบบนี้นี่ ถือว่าเป็นการทำมิดีมิร้ายได้หรือเปล่า
มะ ไม่ใช่...ช่างเถอะ ไปซื้อของกันดีกว่า
เธอตอบอย่างตัดรำคาญ ก่อนทำเสียงสดใจและสลัดความคิดฟุ้งซ่านทิ้ง แล้วจัดการลากแขนล่ำของเพื่อนรักเดินเข้าร้านโน่น ออกร้านนี่ จับมือถือแขนกันอย่างสนิทสนม จนทำให้คนที่มาเห็นโดยบังเอิญอยู่อีกฝั่งถนนนึกดูแคลนอยู่ในใจ
ทว่าไม่ว่าจะเดินเข้าไปกี่ร้านต่อกี่ร้าน รินรดาก็เจอแต่เสื้อผ้าแพงๆ แบรนด์ดังระดับโลกทั้งนั้น หญิงสาวจึงไม่คิดจะควักกระเป๋าซื้อให้เสียดายตังค์
ไม่ใช่ว่าเธอไม่มีเงิน เพราะเธอได้รับเงินค่าตอบแทนจากการทำงานมากมาย ไหนจะเงินเดือน ไหนจะเงินค่างานพิเศษ แต่เพราะไม่ชอบการใช้จ่ายฟุ่มเฟือยต่างหาก
ที่สำคัญ...ทำไมเธอต้องไปเปลี่ยนแปลงตัวเองตามคำดูถูกของนายจ้างสุดมั่วนั่นด้วย เขาจะว่าเธอหน้าจืด หุ่นไม้กระดานหรือแม้แต่ขาโก่งลายพร้อย มันก็เรื่องของเขา เพราะเมื่อครบสัญญาหกเดือนแล้ว เธอก็จะบินกลับเมืองไทยทันที ไม่คิดต่อสัญญาทำงานเป็นเลขาให้เขาอีกต่อไป
คิดได้ดังนั้น รินรดาก็สะบัดหน้า ยักไหล่ ไม่ใส่ใจ ว่าตายักษ์จะพูด จะดูถูกยังไง และไม่คิดจะเดินดูเสื้อผ้าให้เมื่อยตุ้มอีกต่อไป
กลับเถอะ เธอหันมาชวน
อ้าว ยังไม่ได้อะไรเลย เอกภพท้วง ไม่ใช่เพราะแค่ยังไม่ได้ของตามที่ต้องการ แต่เขายังอยากให้เวลาเดินเล่นกับหญิงสาวให้ได้นานที่สุดด้วย
ไม่เป็นไรหรอก ถ้าไม่ชอบดูฉันใส่ชุดลูกหมี เดี๋ยวอีตาหน้ายักษ์ก็ไล่ฉันกลับไปทำงานเดิมเองแหละ
รินรดาสะบัดเสียงตอบ แต่ในอารมณ์โมโหตัวต้นเหตุโน่นต่างหาก ก่อนคว้าข้อมือเอกภพ แล้วลากเดินไปขึ้นรถตู้สวัสดิการที่จอดอยู่ไม่ไกลนัก โดยมีสายตาคมกริบจ้องทั้งคู่ตาไม่กะพริบจากลิมูซีนคันยาวซึ่งจอดติดไฟแดงอยู่...


อะไรกันนี่
รินรดาพึมพำอย่างงงๆ พลางมองกล่องพัสดุขนาดใหญ่ในมือซึ่งถูกส่งมาถึงหน้าห้องพักในตอนเช้าวันหยุด ไม่มีชื่อที่อยู่ผู้ส่ง นอกจากการ์ดจ่าหน้าซองถึงเธอซึ่งติดอยู่ข้างบนหนึ่งใบ เธอจึงแกะอ่านด้วยความอยากรู้อยากเห็น
...โบนัสพิเศษที่ทำงานได้ดี...
คิ้วสวยของรินรดาขมวดเข้าหากันด้วยความแปลกใจ จากตาลุงนายจ้างหรือ เธอรำพันพลางแกะกล่องไปพลาง
แล้วรินรดาก็ต้องตาโตเมื่อเห็นของใช้สำหรับผู้หญิงมากมาย ทั้งเครื่องสำอาง เครื่องประดับและเสื้อผ้าสวยงามหลากหลายสไตล์ทั้งชุดทำงาน ชุดลำลองจนไปถึงชุดราตรี ทุกชิ้นล้วนเป็นของแบรนด์เนมราคาแพงที่เธอไม่คิดจะควักกระเป๋าซื้อเมื่อวานนั่นเอง และที่สำคัญ เป็นเสื้อผ้าไซส์เธอทั้งหมด
รินรดาหยิบเสื้อผ้าทุกชิ้นขึ้นดูอย่างตื่นตาตื่นใจ แต่ก็ไม่คิดรับของกำนัลเหล่านี้เอาไว้ เพราะนอกจากแล้วไม่กล้าใช้กล้าใส่แล้ว เธอไม่เหมาะกับข้าวของแพงๆ แบบนี้หรอก
อีกอย่างแค่งานสปายแบบสบายๆ นั่น เธอก็ได้ค่าตอบแทนมหาศาลอยู่แล้ว จะให้เธอรับข้าวของแพงๆ นี้ได้ยังไง เธอขอรับแค่น้ำใจของนายจ้างก็พอ...
รินรดาจึงจัดการจัดเก็บของลงในกล่องอีกครั้ง พร้อมกันนั้น เธอก็ได้ยินเสียงธเนศที่เปิดประตูห้องพรวดพราดเข้ามาโดยไม่เคาะตามความเคยชินและเห็นเสื้อผ้าในมือเล็กจึงร้องหวีดว้ายอย่างตื่นเต้น
ต๊ายนังริน เสื้อผ้าสวยๆ ทั้งนั้นเลยแก ไปเอามาจากไหนเนี่ย แกไปลองให้ฉันดูหน่อยสิ
หนุ่มเจ้าสำอางที่จะแต๋วแตกมากเป็นพิเศษยามอยู่กันในที่ลับตาคนถลาเข้ามานั่งล้อมวงกองเสื้อผ้าที่วางอยู่บนเตียง ก่อนหยิบจับชุดสวยขึ้นชื่นชมด้วยนัยน์ตาฝันหวาน
ไว้ฉันจะแปลงเพศเมื่อไหร่ จะมายืมแกใส่นะ ธเนศหมายมั่น พลางคว้าเดรสสั้นสีหวานขึ้นทาบตัวแล้วหมุนไปหมุนมาหน้ากระจกบานใหญ่
รินรดากลอกตาอย่างระอากับอาการสาวแตกของเพื่อน ไม่ใช่ของฉัน เขาส่งมาผิด เอามา ฉันจะพับเก็บส่งคืน เธอบอกเสียงแข็งเป็นการขู่เพื่อนรักไปในตัว ไม่ให้หยิบจับวุ่นวาย พลางยื่นมือรับเดรสที่ธเนศยื่นกลับอย่างเสียดาย
โหย เสียดายฉิบ สวยๆ ทั้งนั้น คอลเล็กชั่นใหม่ล่าสุดประหนึ่งสั่งตรงมาจากมิลานแฟชั่นวีค แถมยังเป็นไซส์แกด้วย ดูสิ นมเนิมได้มาถูกไซส์เปี๊ยบ ธเนศยังไม่เลิกบ่น นัยน์ตาคมก็กวาดมองไปในกล่อง และเสื้อผ้าที่ยังรายรอบอยู่ด้านนอก จึงทำให้เห็นเข้ากับการ์ด ซึ่งมีชื่อเพื่อนโชว์หราอยู่
เฮ้ยไม่ได้ส่งผิดนี่หว่า ส่งมาให้แกนี่ คนชอบของสวยๆ งามๆ หวีดว้ายอย่างตื่นเต้นอีกครั้ง พลางจับกล่องเทลงลงเตียง จึงทำให้เห็นเครื่องสำอางมายมายอยู่ในนั้นด้วย
ต๊ายยย Chanel ทั้งนั้น กรี๊ดด นังเน็ตตี้จะเป็นลมฮ้า นังรินมาเล่นแต่งหน้ากันดีกว่า
ไม่เอาหรอก ฉันจะส่งคืนเขา รินรดาพูดออกมา โดยที่ไม่รู้ว่าจะติดต่อส่งคืนกันยังไงอีกต่างหาก
อย่าโง่ไปนังริน เขาส่งมาให้แกก็เก็บไว้สะ แล้วมานี่เลย มาให้ฉันฝึกฝีมือ ณ บัดนาว
เสียงที่ถูกดัดให้แหลมดังออกมาแค่นั้น รินรดาก็กลายเป็นตุ๊กตาบาร์บี้ให้เพื่อนสาวแตกจับแต่งตัว แต่งหน้าทำผมอย่างสนุกสนาน โดยที่เจ้าตัวที่นึกสนุกขึ้นมาก็ไม่คิดคัดค้านอะไร ทั้งยังรู้สึกเป็นสุขที่เห็นตัวเองในแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน จนต้องแอบถ่ายรูปเก็บไว้...
และยังอดคิดไม่ได้ ถ้านายหน้ายักษ์ได้มาเห็นเธอในตอนนี้ จะยังคิดดูถูกเธออย่างที่ปรามาสเอาไว้อีกหรือเปล่า...

เช้าวันจันทร์ ธเนศก็มาเคาะประห้องรินรดาแต่เช้าตรู่ เพราะตั้งใจจะมาจับเพื่อนสาวแต่งตัวสวย เนื่องจากตอนซ้อมแต่งหน้า รินรดายืนยันกระต่ายขาเดียวว่าไม่คิดจะแต่งตัวสวยๆ ไปทำงานให้เปลืองเวลานอน และที่สำคัญ เธอไม่จำเป็นต้องแต่งตัวสวยไปให้ใครประทับใจ
รินตื่น ฉันจะได้แต่งตัวให้แก ธเนศเร่งเสียงแหลมปรี๊ด พลางจัดแจงเครื่องสำอางตรงโต๊ะเครื่องแป้งไว้ให้พร้อมมือ
นังเน็ตตี้ฉันจะนอน แกอย่ามากวนได้ไหม เมื่อวานแกยังเล่นไม่พออีกเหรอ รินรดาแหวด้วยน้ำเสียงงัวเงีย ยกผ้าห่มคลุมโปงอย่างตัดรำคาญ นี่เพิ่งจะหกโมงเช้า ที่ทำงานก็อยู่ใกล้แค่นี้ จะรีบตื่นไปไย
หัดแต่งตัวซะบ้างสิแก จะได้ขายออกสักที แกจะอยู่เป็นสาวทึนทึกไปจนตายหรือไง เดี๋ยวก็โดนหยากไย่ขึ้นนาแกพอดี อีกอย่าง ขยับตำแหน่งไปเป็นถึงเลขาแล้ว ก็ต้องรู้จักหัดแต่งเนื้อแต่งตัวเสริมนมให้สมตำแหน่ง
ธเนศคะยั้นคะยอแกมบังคับและให้เหตุผลตามสไตล์ตัวเอง ก่อนจัดการลากร่างเล็กที่ยังฝังตัวอยู่บนที่นอนให้ลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวสวยๆ โดยที่เจ้าของห้องไม่อาจปฏิเสธได้  
...นั่นเพราะอีกใจนึง เธอก็อยากจะเห็นคนหน้าแหกหมอไม่รับเย็บเหมือนกัน...



ร่างสูงใหญ่ไม่ต่างกับยักษ์อย่างที่เลขาสาวแอบนินทาเอาไว้เพราะความสูงถึง 189 เซ็นติเมตรนั่นเองเดินอย่างอารมณ์ดีเข้ามาในที่ทำงาน คาร์รีมเสริมความหล่อเหลาและภูมิฐานให้กับตัวเองด้วยสูทหรูสีดำราคาแพงแบรนด์ดังจากอิตาลี ใบหน้าคมคายที่หล่อบาดจิตสดใส ร่างกายกระชุ่มกระชวยและโล่งเบาผ่อนคลายพร้อมตะลุยงานหนัก...
เพราะสุดสัปดาห์ที่ผ่านเขาใช้เวลาอยู่กับนางเแบบสาวอเล็กซานดร้ากันอย่างถึงพริกถึงขิงและดุเด็ดเผ็ดมันส์ ได้ปลดปล่อยความเครียดในตัว รวมทั้งความเครียดจากการเกิดจากการทำงานหนักมาตลอดทั้งสัปดาห์ออกไปจนหมดนั่นเอง
และการที่เขายังมีความสุขจากสาวสวยล้ำด้วยเรือนร่างเนื้อนมไข่ ก็เป็นเครื่องยืนยันถึงรสนิยมของเขาได้เป็นอย่างดี...ว่าไม่ใช่อย่างสาวจืดไม่ต่างกับแกงจืดไม่ได้ใส่เครื่องปรุงเป็นแน่
นอกจากนี้ ราเชลคู่ควงเบอร์หนึ่งที่จะแวะเวียนกลับมาหาเขาอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ ก็จะบันดาลความสุขให้กับเขาได้อย่างเหลือล้นอีกเหมือนเช่นเคย คาร์รีมคิดอย่างครึ้มอกครึ้มใจ จนร่างใหญ่เดินมาถึงบริเวณหน้าห้องทำงาน ทว่าเขาไม่เห็นร่างสาวจืดเลขาของตัวเอง จึงสอดส่ายสายตาหา...
แล้วร่างเล็กที่กำลังยืนหันหลังคุยโทรศัพท์อยู่ตรงมุมเสาต้นหนึ่ง ด้วยท่าทีลับๆ ล่อๆ ก็ทำให้นายจ้างหนุ่มต้องหยุดมองอย่างไม่ไว้ใจ แต่ความไม่ไว้ใจมันเทียบไม่ได้กับความแปลกประหลาดใจที่ถาโถมขึ้นมาแทนที่...
เมื่อดวงตาคมของเขาได้เห็นชัดๆ ว่าหญิงสาวที่ปกติจะกระเซอะกระเซิงอยู่ในชุดช่างนั้น เปลี่ยนแปลงตัวเองไปอยู่ในชุดกระโปรงสั้นสีครีมที่มีแจ็คเก็ตพอดีตัวสวมทับไว้ และผมยาวดำขลับที่ปกติจะถูกมัดลวกๆ เอาไว้ ก็ถูกเกล้าไว้อย่างสวยงามเรียบร้อย
คาร์รีมกะพริบตาปริบๆ อย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง...
หัวใจหนุ่มเต้นเร็วขึ้นโดยที่เจ้าตัวก็ไม่รู้ตัว แล้วเมื่อร่างใหญ่เดินมาเผชิญหน้ากับร่างเล็กที่หันมาพอดี ใจที่เต้นระส่ำของเขาก็ตกไปอยู่ที่ตาตาตุ่มเพราะความตื่นตะลึงกับภาพลักษณ์ใหม่ของแม่เลขาหน้าจืดของตัวเอง...
ไวกว่าความคิดของตัวเอง ดวงตาคมกริบกวาดมองร่างเล็กปราดเดียวตั้งแต่หัวจรดเท้า และยังดีที่เขาสั่งตัวเองไม่ได้กวาดมองสำรวจร่างเล็กซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก่อนหยุดนิ่งอยู่ที่ดวงหน้าหวานที่ถูกตกแต่งไว้อย่างดี พอเหมาะพอดี แล้วมันก็ทำให้หญิงสาวดูดีขึ้นมามากมายอย่างไม่น่าเชื่อ...
และแค่เพียงแวบเดียวที่ได้เห็นร่างเล็กในรูปลักษณ์ใหม่นั้น มันเพียงพอให้เขารู้ว่า เขาเข้าใจในตัวหญิงสาวผิดไปหลายอย่างนัก...ทำเอาใบหน้าคมที่ร้อนผ่าวคล้ายจะแตกออกมาเป็นเสี่ยงๆ
หุ่นไม่ได้แบนราบเป็นไม้กระดาน...
หน้าไม่ได้จืดชืดเป็นกระดาษ...
ที่สำคัญ ขาเรียวงามไม่ได้โก่งหรือลายพร้อยแต่อย่างใด...
แค่นี้ก็สร้างความตกตะลึงพรึงเพริดให้กับคาร์รีมยืนนิ่งงันไปพักใหญ่...
รินรดาสะดุ้งโหยงเมื่อหันมาเห็นร่างยักษ์ของคนที่เธอกำลังนินทาอยู่ จริงๆ เธอก็คอยหันซ้ายหันขวาดูลาดเลาให้ตัวเองอยู่ตลอด นั่นเพราะกำลังโทรศัพท์คุยรายงานตารางเวลานัดสาวให้นายจ้าง หลังจากทางโน้นติดต่อให้เบอร์โทรมาเมื่อเช้านี่เอง รวมทั้งขอบคุณเรื่องส่งโบนัสชิ้นโตมาให้เธอนั่นด้วย
แล้วในทันทีที่เธอหันหลังมาเห็นคนตัวโตซึ่งทำหน้าราวกับคนเป็นผีอยู่ รินรดาก็แกล้งทำเป็นคุยโทรศัพท์กับคนรักที่อุปโลกน์ขึ้นแทน ทั้งภาษาไทยและอังกฤษปนกัน เพื่อให้อีกฝ่ายเข้าใจด้วย
ที่รักขา แค่นี้นะคะ รินต้องไปทำงานแล้วค่ะ ไว้ค่อยคุยกันนะคะ คิดถึงที่รักสุด Miss you and love you as always จุ๊บๆ ค่ะ
หลังจากจูบส่งท้ายคำลาให้กับโทรศัพท์ในมือ รินรดาก็เงยหน้ามองคนหน้ายักษ์ หมายส่งเสียงทักทาย ทว่าเสียงทุ้มของเขาก็สั่งอย่างแข็งกร้าวออกมาเสียก่อน
รินรดา ตามฉันเข้ามาในห้องด้วย พูดจบ คาร์รีมที่อารมณ์สุนทรีย์มลายเมื่อได้ยินคำพร่ำลาหวานซึ้งของเลขาก็หันหลังดังขวับ แล้วเดินนำหน้าเข้าไปในออฟฟิศทันที
รินรดาย่นจมูกล้อเลียนตามหลัง ไม่เข้าใจอารมณ์ของชายหนุ่ม ไปกินรังแตนมาจากไหนอีกแล้ว สุดสัปดาห์ที่ผ่านมาคงไม่มีสาวๆ ให้มั่วด้วยเป็นแน่ แล้วนี่เธออุตส่าห์แต่งตัวสวยพริ้ง อีตายักษ์ตาถั่วไม่เห็นเลยหรือไง
เสียเวลาแต่งสวยชะมัด หญิงสาวบ่นพลางเดินตามร่างใหญ่เข้าไปในห้องตามประกาศิตของเขา...

ก๊ากๆๆๆ ตาค้างง 
ตามอ่านเต็มๆ ได้ที่นี่ ค่ะ http://writer.dek-d.com/blip/story/view.php?id=706745

2 comments:

  1. กร๊าากกกกก ชอบเน็ตตี้มากมายยย
    "เดี๋ยวก็โดยหยากไย่ขึ้นนาแกพอดี" กร๊าากก ฮาาาอ๊ะ ก๊ากๆๆๆ
    เป็นไงล่ะคะคุณชายขราา~ อึ้งกิมกี่เรยใช่มั๊ยค้าา โฮ่ๆๆๆ สะจายจริงจริ๊ง อิอิ

    ReplyDelete
  2. เข้าไปอ่านนิยายในเด็กดีไม่ได้

    แต่ว่าก็ว่านะ คุณชาย นี่สู้ป๋า ไม่ได้เลยจริงๆ
    เล่นองค์น่าดู จะคอยดูว่าจะแน่ซักแค่ไหน หลุดฟอร์มเมื่อไหร่ละก้อ
    จะคอยทับถมสุดชีวิต

    ReplyDelete